“บิ๊กต๊อก” นั่งหัวโต๊ะประชุมเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินคดี 3 จว.ชายแดนใต้ เน้นย้ำให้สำนวนมีความรัดกุม ไม่เกิดความบกพร่อง เผยสถิติคดีอาญาตั้งแต่ปี 47 - ปัจจุบัน 1.6 แสนคดี เป็นคดีความมั่นคงร้อยละ 6
วันนี้ (25 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพด้านคดีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 1/2558 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค 4 นายชาญเชาว์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันนทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พร้อมด้วยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงในภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และ อัยการ โดยใช้เวลาในการประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวภายหลังประชุม ว่า เป็นการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากที่ผ่านมา การดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดในพื้นที่ยังมีข้อบกพร่อง โดยในส่วนของตำรวจนั้นจากสถิติการดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายมีสถิติการจับกุมได้น้อยมาก และยังพบว่าสถิติของสำนวนที่ไม่รู้ตัวผู้กระทำผิดอีกคิดเป็นร้อยละ 60 - 70 ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องไปดำเนินการแก้ไข อีกทั้งเมื่อส่งสำนวนไปที่อัยการ เพื่อให้มีการพิจารณาสั่งฟ้อง ก็ยังไม่สามารถสั่งฟ้องได้ จึงต้องมาดูว่าปัญหาเกิดจากอะไร การสืบสวนสอบสวนขาดประสบการณ์หรือไม่ หรือ ติดขัดในกระบวนการใด โดยหลังจากนี้จะตนจะรายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับทราบถึงปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว เช่น การตั้งพนักงานสอบสวน ซึ่งอาจมีความจำเป็นจะต้องตั้งเจ้าหน้าที่ให้เป็นทีมเฉพาะ รวมถึงพนักงานอัยการ และตำรวจด้วย ซึ่งการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะก็เพื่อจะให้ดูแลในส่วนของคดีความมั่นคง เพราะจะได้อยู่กับคดีและทราบความเคลื่อนไหว เพื่อให้การทำงานเกิดความชัดเจนขึ้น
“หากไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานก็จะทำให้เกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมา โดยที่ประชุมวันนี้ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบความบกพร่องของตัวเอง เพื่อไปดำเนินการแก้ไข ทั้งนี้ ที่ผ่านมา การทำงานของเจ้าหน้าที่ มีการปฏิบัติงานที่ดีอยู่แล้ว เพียงแต่เราจะมาเพิ่มความเข้มข้นให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม กระบวนการยุติธรรมนั้นหมายถึงศาลด้วย จึงอยากขอความร่วมมือจากศาลยุติธรรม เพราะศาลยุติธรรมมีผลต่อการทำงานของพวกเรามาก และในการประชุมครั้งต่อไปผมก็จะได้เชิญมาร่วมประชุมนี้ด้วย” รมว.ยุติธรรม กล่าว
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ถ้าเรายังทำงานกันแบบเดิมๆ ก็จะไม่เห็นการพัฒนาอะไร ทั้งนี้ ยอมรับว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาที่ดีขึ้น ซึ่งพอใจผลการทำงานและมีการพัฒนาเครื่องมือตำรวจให้ดีขึ้น เห็นได้จากการทำคดีในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมานั้น ดีขึ้นมาก แต่อย่าไปล้วงถึงปี 2547 - 2548 เนื่องจาก คดีที่ค้างคาเป็นเรื่องของเครื่องมือ งานด้านการข่าว ที่ยังไม่ค่อยพร้อม ซึ่งเรายังไม่มีการพัฒนาระบบการทำงานและเครื่องไม้เครื่องมือ แต่ปัจจุบันหน่วยมีความพร้อมมากขึ้น
รายงานข่าวแจ้งว่า จากสถิติคดีความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจ.สงขลา ตั้งแต่ปี 2547 - 31 พ.ค. 2558 พบว่า มีคดีอาญาโดยรวม 163,085 คดี แยกเป็น จ.ปัตตานี 38,570 คดี จ.ยะลา 50,257 คดี จ.นราธิวาส 49,002 คดี และ จ.สงขลา 25,256 คดี ส่วนคดีความมั่นคงมีคดีทั้งสิ้น 9,933 คดี แยกเป็น จ.ปัตตานี 3,389 คดี จ.ยะลา 2,941 คดี จ.นราธิวาส 3,347 คดี และจ.สงขลา 256 คดี ทั้งนี้ ยังพบว่า คดีความมั่นคงที่ไม่รู้ตัวผู้กระทำความผิดมีจำนวน 7,634 คดี รู้ตัวผู้กระทำความผิด 2,299 คดี จับได้ 1,665 คดี หลบหนี 634 คดี ทั้งนี้ คดีความมั่นคงคิดเป็นร้อยละ 6 ของคดีความมั่นคงอาญา