xs
xsm
sm
md
lg

ตะลึง! แก๊งจับคู่ “ขรก.กินส่วยแขก” รับจ้างจดทะเบียนสมรสเก๊กับหญิงไทย เผยอำเภอเดียวปลัดจัดให้ 20 คู่/ชม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ฉาวฝ่ายปกครอง ร่วมตำรวจบางหน่วย ทุจริต “แก๊งจับคู่” กินส่วยแขก แฉเล่ห์ปากีฯ-อินเดีย จ้างสาวไทยจดทะเบียนสมรสแหกตาถือสิทธิอยู่เมืองไทย ถึงผงะ! เจอที่อำเภอในเขตสระบุรี กับนครปฐม ชั่งโมงเดียวจดถึง 20 คู่ แค่ 4 เดือนฟาดไปเฉียดพัน พบข้อมูลแก๊งโรตียันขายถั่วมีนายทุนหัวใสเกณฑ์แขกกระจายหากินทั่วประเทศ มีตำรวจท้องที่กับตรวจคนเข้าเมืองเก็บส่วยจนเต็มบ้านเต็มเมืองโดยไม่มีใครสนใจปัญหา

รายงานข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงแห่งหนึ่งเปิดเผยกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม ASTV ผู้จัดการ” ว่า ปัญหาการลักลอบเข้าประเทศของชาวต่างชาติเข้ามาอยู่ในไทยยังมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่จะทำให้เกิดปัญหากระทบต่อความมั่นคงที่ต้องเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวกันใกล้ชิด เนื่องจากมีตัวเลขการเข้าเมืองผิดกฎหมายและหลบหนีอยู่ในประเทศสูงขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา


ข่าวแจ้งว่า ขณะนี้การสืบสวนในทางลับพบว่าคนเชื้อสายอินเดียจากประเทศปากีสถานและประเทศเพื่อนบ้านเดินทางมาประเทศไทยจำนวนมากกว่าทุกช่วงปีที่ผ่านมา และคนเหล่านี้เข้ามาแล้วจำนวนไม่น้อยก็ไม่เดินทางกลับตามกำหนดเวลา แต่แอบอาศัยกระจายอยู่ทั่วประเทศจนเป็นเรื่องที่ผิดปกติ หากยังค่อยปล่อยปละละเลยก็อาจจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติได้ จากการตรวจสอบปรากฏว่าคนอินเดียเหล่านี้ได้อ้างสิทธิการอาศัยอยู่ต่อเพราะมีภรรยาเป็นคนไทย ทั้งนี้มีเหตุอันชวนสงสัยเนื่องยังเข้ามาประเทศไทยไม่นาน บางคนอยู่ยังไม่ถึงเดือนก็แต่งงานจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงไทย หรือบางคนนานหน่อยก็อยู่ไม่กี่เดือนเท่านั้น

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีข้อมูลชัดเจนว่า คนต่างด้าวเชื้อสายอินเดียพวกนี้ ได้ใช้วิธีเพื่อให้ได้สิทธิในการอยู่ทำมาหากินต่อในไทย ด้วยการจ้างให้ผู้หญิงไทยจดทะเบียนสมรส ซึ่งมีขบวนการค้ามนุษย์บางกลุ่มรับจ้างจัดการให้ทั้งหมด โดยร่วมมือกับข้าราชการฝ่ายปกครองที่มีอำนาจหน้าที่ ในด้านจดทะเบียนสมรส เมื่อทางฝ่ายความมั่นคงพบมูลเหตุพฤติกรรมชัดเจนในกรณีนี้จึงส่งเรื่องให้หน่วยงานตรวจสอบ การกระทำผิดของข้าราชการไปสืบสวนสอบสวน พบว่ามีการสมรสเก๊ระหว่างหญิงกับชาวอินเดียเป็นความจริง เขตพื้นที่ที่มีการจดทะเบียนสมรสเก๊ส่วนใหญ่ อยู่ที่ที่ว่าการอำเภอในภาคกลาง เช่นที่จังหวัดสระบุรีและนครปฐม

ทั้ง 2 จังหวัดนี้พบการจดทะเบียนสมรสให้คนอินเดียมากผิดปกติ คือที่ที่ว่าการอำเภอแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี ส่วนเขตพื้นที่ใน จ.นครปฐม มีการลักลอบทำเรื่องนี้มากกว่าพื้นที่อื่น โดยพบว่าที่ว่าการอำเภอแห่งหนึ่งที่เป็นพื้นที่ทำการเกษตรกรรมในนครปฐม มีการจัดให้จดทะเบียนสมรสระหว่างหญิงไทยกับคนอินเดียตั้งแต่ต้นปี 2558 ถึงเดือนเมษายนเป็นจำนวนสูงถึง 700 คู่ ซึ่งมีตัวเลขน่าสงสัยในบางวันจดทะเบียนฯ ภายในชั่วโมงเดียวออกทะเบียนสมรส 20 ใบ

นอกจากจะเป็นเขตพื้นที่อำเภอเล็กๆ ไม่อยู่ในความสนใจของสังคม และอำเภอในเขตทุรกันดารแล้ว ยังมีอำเภอใหญ่ในพื้นที่เจริญมาก เช่น ที่อำเภอใหญ่เก่าแก่ มีชื่อด้านการท่องเที่ยว จ.นครปฐม ก็เจอมีการจดทะเบียนสมรสในลักษณะแบบนี้ด้วยเช่นกัน

มีข้อมูลด้วยว่า ขบวนการค้ามนุษย์ลักลอบนำคนต่างด้าวเข้าเมือง โดยมีคนเชื้อสายอินเดียเป็นสินค้านั้น มีเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับอำเภอร่วมทุจริตด้วย ซึ่งการสืบสวนได้ข่าวว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองระดับปลัดในบางอำเภอ ที่มีการทำผิดได้ค่าจ้างจดทะเบียนสมรสเก๊ใบละ 4,000-6,000 บาท

“ขบวนการรับจ้างจดทะเบียนสมรสเก๊ ซึ่งเป็นการร่วมทุจริตโดยคนของรัฐกำลังแพร่ระบาดในช่วงปีนี้ เพราะเมืองไทยกำลังจะเป็นเมืองหลวงของอาเซียน ในปลายปีนี้ที่เขตเศรษฐกิจอาเซียนจะเปิดประตูการค้าไร้พรมแดน คนปากีสถานก็ดีหรืออาจจะเป็นคนโรฮีนจา ที่พอมีเงินจึงต้องการเข้ามาพำนักอาศัยทำมาหากินอยู่ในไทย บวกกับอาศัยช่วงเหตุการณ์ชุลมุนทางการเมืองไม่ค่อยมีหน่วยงานไหนให้ความสนใจ เรื่องแบบนี้เลยเป็นเหตุให้ขบวนการนำพาชาวต่างด้าวหลบหนี เข้าเมืองอย่างผิดกฏหมายโดยมีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมรู้เห็นเป็นใจจึงเฟื่องฟู ทำรายได้ให้กับแก๊งค้ามนุษย์ในอีกรูปแบบหนึ่ง อย่างเป็นล่ำเป็นสัน” แหล่งข่าวกล่าว และเผยว่าการค้ามนุษย์ในรูปแบบนี้ทำกันเป็นขบวนการ ทำมานานค่อยๆ เติบโตขึ้นเพราะมีรายได้ดี ต่อหนึ่งรายคาดว่าจะต้องเสียค่าจ้างเป็นแสนบาท ผู้หญิงที่รับจ้างจดทะเบียนก็จะได้เงินค่าจ้างเป็นหลักหมื่น ส่วนข้าราชการที่ให้ความร่วมมือขายใบทะเบียนสมรสนั้น เดือนหนึ่งสำหรับอำเภอที่พบการทำผิดรับกันเป็นหลักล้าน

ล่าสุดมีรายงานด้วยว่าผลการสืบสวนได้ข้อมูล ทั้งพยานหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดเจ้าหน้าที่ระดับปลัดอำเภอบางคนแล้ว คาดว่าจะดำเนินการในเร็ววันนี้

สำหรับชาวต่างด้าวโดยเฉพาะปากีสถาน อินเดีย บังกลาเทศ แขกพม่า หรืออื่นๆ ที่มีรูปร่างหน้าใก้ลเคียงกันนั้นนอกจากเข้ามาขายแรงงานได้อัตราจ้างวันละ 300 บาท เท่ากับคนไทยแล้วบางกลุ่มที่มีทักษะด้านการค้ายังถูกนายทุนต่างด้าวหัวใสตั้งกลุ่มทำการค้าประเภทต่างๆ ที่คนไทยเห็นกันจนชินชา นั่นคือ อาชีพขายโรตี อาชีพขายถั่ว และอาชีพขายไอติม เริ่มจากมีการเช่าบ้านอยู่รวมกันใกล้กับย่านธุรกิจ แต่เป็นชุมชนที่แฝงตัวอยู่เช่นสลัม หรือบ้านเช่าตามตรอกซอกซอยห่างสายตาผู้คน

ขบวนการขายโรตีจะมีนายทุนจ้างแขกที่ชำนาญการผสมแป้ง นวดแป้งมาจัดเตรียม จากนั้นก็จะใส่กล่องให้กับพวกออกเข็นขายไปตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ชั้นใน ของ กทม. เช่น สน.พลับพลาไชย 1-2, สน.ปทุมวัน, สน.พญาไท, สน.ลุมพินี, สน.บางรัก, สน.ทองหล่อ, สน.ลาดพร้าว, สน.โชคชัย และอื่นๆ ทั่วไปหมด ในแต่ละท้องที่จะมีการแบ่งสัมปทานกันอย่าลงตัว กล่าวคือถ้ามีใครค้าอยู่ก่อนก็จะไม่ไปทับเส้นกัน แต่อาจขอจุดลงได้โดยมีตำรวจท้องที่เป็นกรรมการตัดสิน

เช่นเดียวกันบรรดาแขกขายถั่วต้ม ถั่วคั่ว ที่ในขณะนี้ไม่เพียงยึดหัวหาดเฉพาะเมืองหลวงเท่านั้น แต่กระจายไปทั่วประเทศทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน มีมากในเมืองท่องเที่ยว บรรดาแขกขายถั่วจะมีนายทุนตั้งทีมส่งกระจายขายทั่วไป รายได้ในแต่ละวันจะหักกับหัวหน้า บางรายที่อยู่ประเทศไทยมานานก็จะบินเดี่ยว แต่ต้องหาพื้นที่ทำมาหากินเอง หากทับเส้นแก๊งมาเฟียก็อาจจะมีปัญหา มีข้อมูลระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการเหล่านี้ ก็คือตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท้องที่มีการเรียกเก็บส่วยเป็นรายเดือนตกหัวละ 500-1,000 บาท

อย่างไรก็ตาม เหตุที่ไม่มีหน่วยงานรัฐใดให้ความสนใจ อีกทั้งสังคมไทยก็ยังไม่ตื่นตัวมองเห็นเป็นภัยใก้ลตัวน่าจะมาจากเป็นอาชีพที่คนไทยไม่ค่อยสนใจ และความขี้สงสารทั้งที่จริงแล้วรายได้ในแต่ละวันของแขกขายถั่ว ขายโรตี และขายไอติมนั้นอาจจะมากกว่าค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาทด้วยซ้ำ นอกจากนั้น เมื่อรายใดปีกกล้าขาแข็ง ก็จะนำเงินที่อดออมไว้ขยายกิจการขายของผ่อนส่งประเภทที่นอน หมอนมุ้งหรือออกเงินกู้ดอกเบี้ยรายวันซึ่งสังคมไทยมักจะเห็นกันบ่อยๆ กับภาพแขกถีบจักรยานมายืนทวงเงินคนไทยตามหน้าบ้าน

มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ของผู้หลบหนีเข้าเมืองจะเป็นเพศชายทั้งสิ้น หากเป็นสตรีติดสอยห้อยตามหรือหลงเข้ามาก็จะเป็นปัญหาใหญ่เพราะการออกไปทำอาชีพขายโรตี ขายถั่วหรืออื่นๆ ไม่กลมกลืนกับสภาพสังคม อาจจะตกเป็นเป้าสายตาจนเกิดเรื่องขึ้นได้ วิธีแก้ปัญหาก็คืออาจจะยกให้เป็นคนใช้บ้านหัวหน้าสาย หรือถึงขั้นนางบำเรอเพียงขอให้สามารถคุ้มครองได้ แต่ถ้าแก้ไม่ตกจริงๆ ก็จะยอมให้ ตม.จับเพื่อผลักดันกลับประเทศ ข่าวคืบหน้าทีมงานอาชญากรรม ASTV ผู้จัดการจะติดตามมาเสนอต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น