ASTVผู้จัดการ - ตะลุยตลาดของเถื่อนกลางกรุง “อึ้ง” พัฒน์พงศ์- ดงโลกีย์กลายเป็นแหล่งสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าขนาดใหญ่ แถมเป็นศูนย์รวม “เซ็กส์ทอย”แบบกับดิน ซื้อขายกันอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมคาดส่วยสะพัดกว่า 100 ล้าน/เดือน แฉ “ขาใหญ่”ร่วมคนมีสีเก็บค่าคุ้มครองทั้งรายวันรายเดือน จี้รัฐปราบปรามจริงจังก่อนเศรษฐกิจไทยพังยับเยิน
ขณะที่สังคมไทยเริ่มผิดหวังต่อท่าทีของผู้มีอำนาจในการสะสางปัญหาสังคมอันเกิดจากการละเลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจไทยบางคน พฤติกรรมเก่าๆ ของผู้บังคับบัญชาระดับสูงบางหน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็เริ่มส่อให้เห็นเป็นระยะๆ ถึงความล้มเหลวในการจัดการต่อปัญหาอบายมุขเช่นบ่อนการพนันออนไลน์ ชาวเกาหลีใต้ที่ตำรวจอ้างว่าไม่มีคนไทยเกี่ยวข้องด้วยแต่ในทางลับทราบกันดีว่ามีนายทุนคนไทยร่วมเอี่ยวด้วย และมีตำรวจบางหน่วยร่วมรับผลประโยชน์ด้วย รวมทั้งปัญหาบ่อนพนันขนาดเล็กที่กระจายไปในหลายท้องที่ถึงขนาด พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกมาปรามว่ามีประชาชนร้องเรียนมายังศูนย์ดำรงธรรม เป็นจำนวนมากว่ามีบ่อนวิ่งลักลอบเปิดบริการในเขตบางบอน เขตบางขุนเทียน และย่านบางซ่อน กันเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ทั้งสิ้น
หม้อข้าวใบใหญ่ หรือ “ส่วย”สำคัญที่เป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงตำรวจมาอย่างต่อเนื่องหลาย 10 ปีที่ถูกมองข้าม และไม่เคยถูกตีแผ่อย่างจริงๆจังๆก็คือขบวนการค้าของเถื่อน หรือที่ทราบกันในนามการละเมิดลิขสิทธิ์หรือปลอมแปลงเครื่องหมายการค้า
เมื่อไม่นานมานี้กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล ผบช.น.พร้อมด้วยพล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูตร พล.ต.ตซ.จิตติ รอดบางยาง พล.ต.ต.เฉลิมพันธ์ อจลบุญ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข พล.ต.ต.ทวิชชาติ พละศักดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น.พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พ.ต.อ.บรรลือ ขลิบเงิน รองผบก.น.6 พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์รองผบก.น.6 พ.ตงอ.นคร ทองพานิช ผกก.สน.บางรัก พ.ต.ท.กัมปนาท เศรษฐฤทธิกุล รองผกก.ป.สน.บางรัก พ.ต.ท.จิรกฤต จารุภัทร์ รองผกก.สส.สน.บางรัก พ.ต.ท.วิทวัส บูรณะ สว.สส.สน.บางรัก พ.ต.ต.สาธิต สอนชา สว.สส. สน.บางรัก พ.ต.ต.สิโณทัย ลิลิตธรรม สวป.สน.บางรัก และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก แถลงการณ์จับกุม น.ส.จารุณี แสนอำมาตย์ อายุ 35 ปี น.ส.นภาพร ชูชะรา อายุ 44 ปี น.ส.ต้อย สอนโคกกรวด อายุ 52 ปีและน.ส.สุจิตรา อยู่ยงค์ อายุ 30 ปีพร้อมของกลางสินค้าละเมิดลิขสิทธ์และปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าจำนวนมากประกอบด้วย
1.กระเป๋าสตางค์ปลอม ยี่ห้อหลุยส์ วิทตอง (LOUIS VUITTON) จำนวน 41 ใบ 2.กระเป๋าสตางค์ปลอม ยี่ห้อโกยาด (GOYARD) จำนวน 11 ใบ 3.กระเป๋าสตางค์ปลอม ยี่ห้อชาแนล(CHANEL) จำนวน 12 ใบ 4.กระเป๋าสตางค์ปลอม ยี่ห้อพราด้า(PRADA) จำนวน 4 ใบ 5.กระเป๋าสตางค์ปลอม ยี่ห้อไมเคิลคอร์ (MICHAEL KORS) จำนวน 2 ใบ 6.กระเป๋าสตางค์ปลอม ยี่ห้อโบเตก้า เวเนต้า (BOTTEGA VENETA) จำนวน 15 ใบ 7.กระเป๋าสตางค์ปลอม ยี่ห้อทิมเบอร์แลนด์ (Timberland) จำนวน 6 ใบ 8.กระเป๋าสตางค์ปลอม ยี่ห้อกุชชี่ (CUCCI) จำนวน 6 ใบ 9.กระเป๋าสตางค์ปลอม ยี่ห้อเอมโปลิโอ อามานี (EMPORIO ARMANI) จำนวน 4 ใบ 10.กระเป๋าสตางค์ปลอม ยี่ห้อบาลรี่ (BALLY) จำนวน 4 ใบ 11.กระเป๋าสะพายปลอม ยี่ห้อไมเคิลคอร์ (MICHAEL KORS) จำนวน 3 ใบ 12.เข็มขัดปลอม ยี่ห้อดีเซล (DIESE) จำนวน 3 เส้น 13.เข็มขัดปลอม ยี่ห้อลาคอส (LACOSTE) จำนวน 2 เส้น 14.เข็มขัดปลอม ยี่ห้อลีวาย (Levi’s) จำนวน 2 เส้น
15.เข็มขัดปลอม ยี่ห้อกุชชี่ (CUCCI) จำนวน 3 เส้น 16.เข็มขัดปลอม ยี่ห้อบิลลาบอง (BILLABONG) จำนวน 1 เส้น 17.เข็มขัดปลอม ยี่ห้อดีแอนด์จี (D&G) จำนวน 1 เส้น 18.เข็มขัดปลอม ยี่ห้อหลุยส์ วิทตอง (LOUIS VUITTON) จำนวน 8 เส้น 19.เข็มขัดปลอม ยี่ห้อเฮอร์เมส (HERMES) จำนวน 15 เส้น 20.เข็มขัดปลอม ยี่ห้อเบอเบอรี่ (BURBERRY) จำนวน 2 เส้น 21.เข็มขัดปลอม ยี่ห้อเฟอรากาโม (Ferragamo) จำนวน 2 เส้น และ 22.เข็มขัดปลอม ยี่ห้อบาลรี่ (BALLY) จำนวน 2 เส้น
โดยสามารถจับกุมได้บริเวณภายในตลาดพัฒน์พงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม. เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 58 เวลาประมาณ 22.00 น. ในข้อหาเสนอจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร
พ.ต.ท.จิรกฤต กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สืบ บก.น.6 ได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ภายในตลาดพัฒน์พงษ์ทางเจ้าหน้าที่ บก.น.6 เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.6 และเจ้าหน้าที่ สน.บางรัก ได้วางแผนร่วมกันตรวจค้นและจับกุม สินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและสินค้าปลอมภายในตลาดพัฒน์พงษ์โดยวางแผนการจับกุมทั้งหมด 15 จุด และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 4 คน พร้อมของกลาง จำนวน 167 ชิ้น มูลค่าประมาณ 3,800,000 บาท ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดสินค้าปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าเพิ่มเติม จำนวน 232 ชิ้น มูลค่าประมาณ 464,000 บาท รวมทั้งสิ้นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ 399 ชิ้น มูลค่าประมาณ 4,264,000 บาท
ส่วน พล.ต.ต.ชยพล ยืนยันว่า เป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล สืบเนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่ถูกจับตามองจากต่างชาติ เกี่ยวกับเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งทาง ผบช.น.ได้มีการเน้นย้ำ กวดขันการจับกุมตลอด โดยเฉพาะย่านที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
จากปฏิบัติการดังกล่าวทีมข่าวอาชญากรรม ASTVผู้จัดการได้ลงสำรวจพื้นที่ตลาดพัฒน์พงศ์ และใกล้เคียงเมื่อค่ำวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมาพบว่ายังคงมีแผงร้านค้าเปิดบริการให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติกันอย่างคึกคัก เฉพาะล็อกแผงลอยตลอดระยะทางถนนพัฒน์พงศ์ นั้นประมาณว่ามีร้านค้าประเภทแผงลอยไม่ต่ำกว่า 300-400 ล็อก ยังไม่รวมอาคารพาณิชย์สองฝั่งซึ่งยังคงมีการค้าขายสินค้าต่างๆ สลับกับร้านอาหาร และบาร์อะโกโก้ เมื่อสุดถนนพัฒน์พงศ์ สู่ถนนสีลม ยังคงมีร้านค้าแผงลอยตั้งอยู่ฝั่งรับผิดชอบของ สน.บางรัก ยาวเหยียดนับจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส จนไปถึงตรงข้ามธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ ระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตรรวมคร่าวๆด้วยสายตาไม่น่าจะต่ำกว่า 1 พันร้านค้าแผงลอย
สำหรับสินค้าที่นำออกมาจำหน่ายนั้นยังคงเป็นรูปแบบเดิมๆ คือสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทุกประเภท รวมทั้งนาฬิกาแบรนด์ดังต่างๆ แต่ที่เน้นเป็นพิเศษก็คือยี่ห้อโรเล็กซ์ มีไม่ต่ำกว่า 20 แผงทั้งที่ตั้งอยู่ในฝั่งพัฒน์พงศ์ และริมถนนสีลม เป็นที่น่าสังเกตว่าส่วนใหญ่ร้านค้านาฬิกาปลอมจะไม่มีคนขายยืนอยู่หน้าร้านแต่เมื่อมีลูกค้าสนใจยืนดูก็จะมีคนขายทั้งชาย และหญิงที่แฝงตัวอยู่ใกล้ๆ ออกมาแนะนำความต้องการของลุกค้าโดยให้เปิดแคทตาล็อกให้เลือกตามใจชอบ เมื่อสนนราคาตกลงกันเรียบร้อยก็จะโทรฯแจ้งให้ม้าเร็วนำสินค้ามามอบให้ จากการสอบถามราคามีตั้งแต่หลักพันจนถึงหมื่นบาทตามแต่รุ่นและคุณภาพงาน เรียกว่าก็อป A และก็อป B
นอกจากนาฬิกาปลอมยังเป็นแหล่งขายเซ็กส์ทอย ขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของ กทม.มีการวางขาย “ของปลอม”ทั้งหญิงและชายขนาดต่างๆ รวมถึงรุ่น และรูปแบบการใช้อย่างมากมายพร้อมอุปกรณ์เสริมต่างๆ อย่างครบครัน รวมทั้งไวอะกร้า คาดว่าเฉพาะในตลาดพัฒน์พงศ์ และริมถนนสีลม จะมีวางขายกันไม่ต่ำกว่า 10 ล็อกโดยมีพ่อค้าแม่ขายนั่งเฝ้าร้านประจำต่างกับแผงนาฬิกาปลอม
จากการลงพื้นที่เพื่อพิสูจน์ความจริงใจครั้งนี้ก็พบว่ามาตรการปราบปรามของกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยสถานีตำรวจนครบาลบางรัก ยังมีข้อบกพร่องบางประการและอาจนำสู่ข้อครหาว่ามีตำรวจบางคนรู้เห็นเป็นใจกับขบวนการค้าของเถื่อนซึ่งข้อบกพร่องดังกล่าวก็คือหากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความตั้งใจจริงเพื่อบังคับใช้กฎหมาย หรือมีความจริงใจ กับให้ความสำคัญต่อปัญหาการปลอมแปลงเครื่องหมายการค้า หรือละเมิดลิขสิทธิ์ อันเป็นเหตุผลสำคัญที่ต่างชาตินำมาอ้างเพื่อกีดกันทางการค้าซึ่งประเทศชาติต้องเสียโอกาสด้วยมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล การปฏิบัติงานจะต้องทำอย่างต่อเนื่องหาใช่ 1 ปีจับใหญ่ 1 ครั้งแล้วมาแถลงข่าวสร้างผลงานกัน
และหน่วยงานสำคัญที่สุดในการปราบปรามสินค้นค้าเถื่อน หรือละเมิดลิขสิทธิ์ ก็คือตำรวจท้องที่โดยไม่จำเป็นต้องผลักภาระความรับผิดชอบไปที่หน่วยงานอื่นเนื่องจากกฎหมายได้ระบุอย่างชัดเจนว่าหากเป็นสินค้าปลอมแปลงเครื่องหายการค้า ถือเป็นความผิดทางอาญาเจ้าพนักงานสามารถจับกุมดำเนินคดีได้ทันทีโดยไม่ต้องมีผู้เสียหายพาชี้ ดังนั้นการปล่อยให้สินค้าประเภทนี้วางขายกันอย่างโจ๋งครึ่มทั้งในตลาดพัฒน์พงศ์ และริมถนนสีลม เจ้าพนักงานพื้นที่รับผิดชอบคือสถานีตำรวจนครบาลบางรัก หากยังใช้วิธีเดิมๆ คือจับบ้าง ไม่จับบ้างก็อาจจะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ไปด้วย
จากการสืบค้นข้อมูลของทีมข่าวอาชญากรรม ASTVผู้จัดการยังได้เบาะแสว่าเหตุที่สินค้าเถื่อนยังลอยนวลอยู่ในตลาดพัฒน์พงศ์ และริมถนนสีลม ก็เพราะว่ามี “หัวเบี้ย”ประกอบด้วยตัวแทนกลุ่มผู้ค้า กับ “ขาใหญ่”พัฒน์พงศ์จับมือกันเรียกค่าคุ้มครองแบบรายวันและรายเดือนเฉลี่ยล็อกละ 5 พันถึง 1 หมื่นบาทแล้วแต่ระดับถูก-แพงของสินค้า ส่วนตึกแถวเก็บกันอีกราคาหนึ่งคาดว่ามีวงเงินสะพัดต่อเดือนกว่า 100 ล้านบาทโดยส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทั้งหมด