ผบ.ตร.เรียก 84 ตำรวจถูกเด้ง ชี้แจงแนวทางการทำงานที่ ศปก.ตร. ระบุหากมีหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวข้องเรื่องผลประโยชน์จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่รายใดหลักฐานไม่ชัดเจนก็โยกย้ายออกนอกหน่วย พร้อมรอผลการสอบสวนของจเรตำรวจ
วันนี้ (28 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบนโยบายการปฏิบัติราชการแก่ข้าราชการตำรวจที่สั่งการให้ช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) สืบเนื่องจากคำสั่ง ตร.ที่ 234/2558 เรื่องการพิจารณาข้าราชการตำรวจที่บกพร่องในการป้องกันปราบปรามอบายมุข จากกรณีการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา และบ่อนการพนันในพื้นที่ จ.นครปฐม โดยมีข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับการ (ผบก.) จนถึงผู้บังคับหมู่ (ผบ.หมู่) ที่ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. ร่วมรับฟัง 84 นาย เช่น พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ภ.จว.สตูล, พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม ฯลฯ โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที บรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียด
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า การเชิญตำรวจทั้ง 84 นายมาวันนี้ไม่ใช่เพื่อทำความเข้าใจ เพราะตนไม่มีหน้าที่ต้องทำความเข้าใจ แต่มาชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจถึงที่มาที่ไปของรายละเอียดของคำสั่ง 234/2558 รวมถึงแนวทางการปฏิบัติตัวเมื่อได้รับคำสั่งที่ต้องอยู่ปฏิบัติราชการที่ ศปก.เพื่อรอรับคำสั่งหากตนมอบหมาย นอกจากนี้เมื่อทุกคนมาช่วยราชการ หากรายใดมีหลักฐานชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือมีผลประโยชน์กับเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดีอาญาและให้ออกไว้ก่อน ตามที่ได้สั่งการไปแล้วในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา
ผบ.ตร.กล่าวว่า ในกรณีที่เข้าไปเกี่ยวข้องช่วยเหลือ มีผลประโยชน์ชัดเจนแต่ไม่ถึงคดีอาญา กลุ่มนี้ตนจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเพื่อปูทางไปสู่การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายออกนอกหน่วย นอกวาระประจำปี โดยอาศัยอำนาจตามาตรา 56 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 กรณีที่หากไม่ปรากฏหลักฐานชัด หรือไม่รุนแรงกระทั่งเข้าข่ายมีส่วนร่วมเหมือน 2 กรณีแรก ตนจะใช้อำนาจ ผบ.ตร.ตามมาตรา 56 โยกย้ายนอกวาระหมุนเวียนในหน่วย เพราะอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่ได้แล้ว เนื่องจากทำให้หน่วยเสียหาย ปล่อยปละละเลย เห็นคนอื่นทำ
“บางคนแก้ตัวกับผม ให้ผู้ใหญ่มาพูดว่าคนอื่นทำ ตัวเองไม่เกี่ยว อยากถามว่าแล้วอยู่กันอย่างไร เป็นตำรวจหรือเปล่า เห็นคนอื่นทำแต่ตัวเองไม่ทำ แล้วอยู่เฉยๆ ไม่ ผิด มาตรา 157 (ป.อาญา) หรือ อันนี้ก็อาจแต่งตั้งโยกย้ายหมุนเวียน และกรณีที่ 4 กรณีสุดท้ายสำหรับบางคนเพิ่งย้ายรับตำแหน่งใหม่เพียง 3 เดือน อาจไม่รู้เห็น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ยังไม่ถึงกระบวนการที่จะรับรู้ได้ กลุ่มที่ไม่รู้จริงๆ ก็เบาหน่อย ผมจะคืนความชอบธรรมให้ ให้กลับไปที่เดิม คือพวกทำชั่วไปก่อนแล้วคำสั่งแต่งตั้งที่ผ่านมา ผบช.เขาย้ายคนเลวออกแล้ว เขาจับออกไปแล้ว แต่ย้ายท่านไปแทนแล้วบังเอิญตำแหน่งอยู่ในสายที่ต้องพิจารณาตามคำสั่ง 234/2558 เมื่อจเรตำรวจสอบสวนแล้วท่านไม่มีความผิด ผมคืนความชอบธรรมให้ ผมไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำหรือไม่มีเหตุผล แต่ผมกำลังหาช่องทางสำหรับพวกปากอิ่ม ปากมัน พุงกางแล้ว จะไปล้วงคอ ลากคอมาได้อย่างไร” ผบ.ตร.กล่าว และว่า หลักการคือ ดำเนินการอาญา วินัย และสอบสวนข้อเท็จจริง บางคนเหตุผลน่าฟัง อยู่ปฏิบัติหน้าที่เห็นคนอื่นทำ ตัวเองก็ปฏิบัติหน้าที่ไปไม่ร่วมทำผิด แต่ต้องถามว่าทำไมไม่ทำลายวงจรพวกนี้ นั่งดูเฉยๆ อย่างนี้ถือว่าไม่รักองค์กร ไม่รักประเทศชาติ ผมไม่ปิดโอกาส ท่านใดอยากทำบันทึกชี้แจง ว่าขณะอยู่ในตำแหน่งประกอบคุณความดี ได้ปฏิบัติหน้าที่เต็มที่แล้วแต่เกินกำลังความสามารถ เกินศักยภาพตนก็จะพิจารณาให้ความเป็นธรรม ให้รีบส่งบันทึกชี้แจงที่ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.
“ผมหวังว่าทุกคนจะเข้าใจ หากผมไม่ทำเช่นนี้สังคมประณามเรา บอกอีกครั้ง เราบางคนคุ้นหน้าคุ้นตา รุ่นพี่รุ่นน้อง แต่เรื่องหน้าที่ต้องแยกแยะแบบเด็ดขาด เรื่องงานผมยอมไม่ได้ ถึงแม้ว่าผมจะเหลืออีก 4 เดือน ผมทำเต็มที่ หลายคนคิดว่าเดี๋ยวผมก็ไป ไม่เป็นไรครับ ถึงผมจะไปแต่สิ่งที่ผมทำวันนี้ ผมเดินไปไหนไม่มีใครบอกว่ามันไม่ดี” ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ขณะนี้จเรตำรวจกำลังทำการสอบสวนตำรวจที่สั่งมาช่วยราชการทั้งหมด เมื่อผลสอบสวนเสร็จสิ้นจะขออนุมัติต่อคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อพิจารณาโยกย้ายนอกวาระ คาดว่าจะขออนุมัติ ก.ตร.เพื่อใช้อำนาจมาตรา 56 ในการประชุม ก.ตร.ครั้งหน้า
นอกจากนี้ พล.ต.อ.สมยศยังกล่าวถึงความคืบหน้าคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาว่า ขณะนี้พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.เร่งทำสำนวนอย่างเต็มที่ แต่ยังมีหลักฐานหลายอย่างที่ยังต้องรอ อาทิ หลักฐานดีเอ็นเอของผู้เสียชีวิต การยืนยันตัวบุคคล ฯลฯ และยังมีเรื่องเกี่ยวเนื่องในประเทศเราเองและประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ เบื้องต้นมีการประสานอย่างไม่เป็นทางการกับทางตำรวจมาเลเซียเกี่ยวกับข้อมูลการขุดค้นพบหลุมศพ โดยตนรายงานเรื่องนี้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีโดยตลอด ซึ่ง พล.อ.ประวิตรย้ำว่าการดำเนินการใดๆ ให้คำนึงถึงหลักกฎหมายไทย ให้อยู่ในการกำกับดูแล ควบคุมของฝ่ายไทย ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา มีทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ให้เกิดความเสียหายกระทบกับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตำรวจทำอย่างเต็มที่ เหล่านักวิชาการ นักสิทธิมนุษยชนที่ให้ความเห็นต่างๆ นานาอยากให้มาช่วยกันทำงานด้วย ส่วนกรณีปืนของ ตชด.427 อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช หายไปนับ 10 กระบอกนั้นมีการสั่งการตรวจสอบในพื้นที่แล้วและตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เข้าไปกำกับดูแลตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว
