ASTVผู่จัดการ - “สมยศ” ย้ำกรณีเด้งผู้การฯ นครปฐม สันติบาล รวม 11 นายฐานปล่อยให้มีคดีอุกฉกรรจ์-อบายมุขในพื้นที่ ลั่นส่งสัญญาณแรงถึง ผบช.
วันนี้ (25 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีคำสั่งโยกย้าย พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พล.ต.ต.ประภากร ริ้วทอง ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.ทวิพงศ์ พงศ์สูงเนิน ผบก.ส.3 พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. และนายตำรวจรวม 11 นายมาช่วยราชการที่ ศปก.ตร.ว่า ตนพิจารณาแล้วเห็นว่าในพื้นที่ บช.ภ.7 โดยเฉพาะ จ.นครปฐม และจังหวัดใกล้เคียงมีอาชญากรรมรุนแรง สะเทือนขวัญ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง มีการจับกุมต่างๆ โดยหน่วยงานภายนอกโดยเฉพาะฝ่ายปกครอง ทำให้เห็นว่าตำรวจในพื้นที่ ภ.จว.นครปฐม และบช.ภ.7 ที่มีส่วนรับผิดชอบอาจไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด หรืออาจละเลย หย่อนยาน ไม่ทำตามนโยบายที่ตนมอบไว้ เพื่อให้การทำคดีต่างๆ คลี่คลายจึงสั่งให้ตำรวจที่รับผิดชอบในพื้นที่ในคดีที่เกิดขึ้นมาช่วยราชการ ศปก.ตร.ชั่วคราว และส่งชุดสืบสวนพิเศษที่มี พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นหัวหน้าชุดเข้าไปคลี่คลายคดี ทราบว่าลงพื้นที่ จ.นครปฐมแล้ว
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า คดีแรกที่สะเทือนขวัญเป็นคดีแก๊งเด็กแว้นยิงวัยรุ่นต่อหน้าแม่ในร้านบะหมี่ก็ไม่สามารถจับกุมได้ จนตนต้องส่งชุดสืบสวนพิเศษลงไปจึงจับกุมได้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการยิงกันมีตำรวจสันติบาล 3 เสียชีวิต 1 นาย ประชาชนอีกหลายคนบาดเจ็บก็เกิดใน จ.นครปฐม เป็นคดีสะเทือนขวัญ ประชาชนให้ความสนใจ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมามีคดียิงกันตายเกิดขึ้น ตนได้รับข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่ส่งข้อมูลมาหลายช่องทางทั้งทางโทรศัพท์ และโซเชียลมีเดีย ทราบว่าสาเหตุจากการโกง หักหลัง เล่นการพนัน แสดงว่าในพื้นที่ จ.นครปฐม มีบ่อนการพนันจึงเกิดทะเลาะวิวาทถึงขั้นยิงกันเสียชีวิต บ่อนนี้ตนเคยบอก พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 ไปแล้ว กำชับ ผบก.นครปฐมไปแล้วว่ามีบ่อนการพนันลักลอบเล่นอยู่ในหลายจังหวัด กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และนครปฐม เป็นหลัก
“สิ่งเหล่านี้ผมพยายามสื่อบอกตำรวจในพื้นที่มาตลอดให้สืบสวนจับกุมโดยไม่ต้องเกรงใจหรือเห็นแก่หน้าใคร แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการ กระทั่งเกิดเหตุรุนแรงยิงกันตาย เข้าใจว่าบริเวณใกล้บ่อนพนัน และสาเหตุเกิดจากโกงหักหลังในวงพนัน ถึงแม้ว่าขณะนี้มีผู้ต้องหาเข้ามอบตัวรับสารภาพว่าลงมือยิง แต่ผมยังไม่ปักใจ เพราะทุกครั้งที่ยิงกัน หรือขับรถชนใครเสียชีวิต สุดท้ายคนที่รับว่าลงมือจะเป็นคนใกล้ชิดที่ยอมรับผิดแทนนาย เพราะฉะนั้นในคดีนี้ผมจึงส่งชุดสืบสวนพิเศษลงไปคลี่คลายให้ลึกว่าผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวนั้นเป็นตัวจริง หรือรับสมอ้าง รับผิดแทน ผมให้เวลาทำเต็มที่ ไม่กำหนดเงื่อนเวลา คดีแบบนี้เร่งรีบไม่ได้” ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า จากนี้จะให้จเรตำรวจเข้าไปสืบสวนข้อเท็จจริงตำรวจทุกนายที่สั่งให้ช่วยราชการว่าเข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่ หรือมีผลประโยชน์ร่วม หากมีหลักฐานชัดเจนว่ามีส่วนช่วยเหลือ สนับสนุน มีผลประโยชน์ร่วมก็จะขออนุมัติย้ายออกจากพื้นที่ และสอบสวนทางวินัย โดยให้ความเป็นธรรมทุกคน ที่ผ่านมาหากไม่พบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุน แต่เกิดขากความยากลำบากในการเข้าจับกุมละเลยคิดไม่ถึงว่าจะมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นก็ต้องพิจารณาลงโทษตามความเหมาะสม หากไม่ผิดเลยต้องคืนความชอบธรรมให้ แต่สิ่งเหล่านี้จะถูกบันทึกไว้เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายครั้งต่อไป พิจารณาว่าตำรวจนายนั้นๆ มีศักยภาพเพียงพอรับมือในการดูแลพื้นที่จังหวัดที่มีปัญหาหรือไม่
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า วันนี้ได้สั่งให้ตำรวจในสังกัด บช.ภ.7 ตั้งแต่ ผบช.จนถึง ผกก.ทุกนายมาประชุมที่ ตร. เพื่อพูดทำความเข้าใจ บอกนโยบายกับผู้ใต้บังคับบัญชา ว่าควรต้องปฏิบัติตัวปฏิบัติตนอย่างไร ไม่เพียงตำรวจในพื้นที่เท่านั้น ตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย เช่นกองกำกับการสืบสวนสอบสวน หรือกองบังคับการปราบปราม ต้องร่วมรับผิดชอบ
“กรณี พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. ที่ผมสั่งมาช่วยราชการด้วย เป็นน้องชายของผมเอง แต่เมื่อพิจารณาตามคำสั่ง 234/2558 ก็ต้องร่วมรับผิดชอบ ไม่มีลูบหน้าปะจมูก ถ้าทำผิดต้องยอมรับผิด ทำไม่ดีต้องยอมรับว่าทำไม่ดี ไม่ใช่ว่านามสกุล พุ่มพันธุ์ม่วงแล้วยกเว้น ผมไม่มีข้อยกเว้น ทำให้เห็นจะจะว่าเมื่อมีหน้าที่รับผิดชอบต้องทำ ไม่ใช่ลูกคนนั้น หลานคนนั้น น้องคนนี้ต้องเว้น ไม่มีละเว้นในยุคของผม แล้วไม่ต้องมีใครโทร.มาขอผมด้วย มีคนพยายามโทร.มาขอผมว่าคนนั้นคนนี้เกี่ยวไหม ไม่เกี่ยวอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งจะเกี่ยวหรือไม่ ผมตัดสินใจเอง ไม่ต้องมาสอนผม ผมโตแล้ว ทุกคำสั่งมีโทร.มาขอ มาว่าผมเอาตำรวจมาช่วยราชการเยอะแยะไปหมดไม่มีคนทำงาน ไม่เป็นไรเลยครับ ผบก.มา รอง ผบก. รอง ผบช. อยากมารักษาราชการแทนตั้งหลายคน ตอนนี้ผมให้สิทธิ ผบช.เลือกคนมาทำงานแทน เอาคนที่ทำงานให้ได้ หาก ผบช.เลือกมาแล้วยังไม่ดีอีก ผมอาจเรียก ผบช.มานั่งคุยกับผมที่ ศปก.ตร.ก็ได้ ก็อยากลองเหมือนกันว่าจะเอา ผบช.มาได้หรือไม่ ถ้าไม่ทำ” พล.ต.อ.สมยศกล่าว
เมื่อถามว่า การเรียก ผกก.ขึ้นไปใน บช.ภ.7 มาประชุมด่วน เป็นการส่งสัญญาณแรงหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ถือว่าเป็นภาคแรกในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เรียกมาทั้งภาคให้มารับรู้โดยทั่วกันว่าตนเอาจริง
“ผมส่งสัญญาณแรงอย่างนี้เลย ส่วนกรณีที่สั่ง ผบก.ส.3 มาช่วยราชการด้วยกัน เพราะลูกน้องถูกยิงเสียชีวิตทั้งคน ไม่มีรายงานผมเลย ผมไม่รู้เรื่อง ถามว่าทำถูกต้องหรือไม่ ทั้งที่มีหน้าที่ต้องตรวจสอบ พิจารณาว่าการเสียชีวิตนั้นเกิดในหน้าที่หรือไม่ ต้องช่วยเหลืออย่างไร กลายเป็นถูกตำหนิว่าผู้บังคับบัญชาไม่ดูแลเหลียวแล ไม่ช่วยเหลือเรื่องสิทธิประโยชน์ ผบ.ตร.ถูกด่าอีก ไม่รายงานผม ผมรับไม่ได้ การออกคำสั่งให้ตำรวจช่วยราชการนั้นเหมือนออกง่ายๆ แต่ผมเชื่อว่าตัดสินใจถูกต้องแล้ว ทำให้สิ่งถูกต้อง ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าทำถูกต้องหรือไม่ หากผมกลั่นแกล้งผู้ใต้บังคับบัญชาก็ถูกฟ้อง”