ASTVผู้จัดการ - ป.ป.ท.เร่งไต่สวนเจ้าหน้าที่ระดับผู้ใหญ่บ้านใน 2 จังหวัดหลังเรียกรับเงินในโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาผู้มีรายได้น้อย เผยโครงการเดินหน้า 90% แล้ว ระบุพอใจในการป้องปรามการทุจริต
จากกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติวงเงิน 4.5 หมื่นล้าน เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2557 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาผู้มีรายได้น้อย ด้วยการจ่ายเงินเยียวยาไร่ละ 1,000 บาท ครอบครัวละไม่เกิน 15 ไร่ หรือ 15,000 บาท โดยศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ประกอบด้วย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาตามข้อมูลของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อวางแนวทางและมาตรการการป้องกันการทุจริตในนโยบายดังกล่าว
ล่าสุด วันนี้ (27 พ.ค.) นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการ ป.ป.ท.เปิดเผยว่า การดำเนินการโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จกว่าร้อยละ 90 แล้ว ศอตช.ดำเนินการในด้านป้องปรามเพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตในโครงการ ที่ผ่านมา ศอตช.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ 14 จังหวัด 30 อำเภอ จำนวน 111 แปลง พบการกระทำผิดในพื้นที่ 2 จังหวัด คือ จ.ชัยภูมิ และ จ.นครราชสีมา โดยผู้กระทำผิดมีตำแหน่งระดับผู้ใหญ่บ้าน มีพฤติกรรมในการเรียกรับผลประโยชน์ 2 กรณี คือ 1. เรียกค่าตอบแทนจากชาวนารายละ 100-200 บาท โดยอ้างว่าจะลงชื่อเพื่อให้ได้รับสิทธิในโครงการ และ 2. คือ เรียกเงินจำนวน 3,000-7,000 บาท หากชาวนาต้องการให้แจ้งพื้นที่เกินจากความเป็นจริง เช่น เกษตรกรทำนาจริงเพียง 5 ไร่ แต่ให้แจ้งขึ้นทะเบียนเป็น 10 ไร่ ทั้งสองกรณี ป.ป.ท.ได้รับเรื่องไว้ไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว
นอกจากนี้ยังพบว่า มีชาวนาขึ้นทะเบียนไม่ถูกต้อง มีการแจ้งข้อมูลซ้ำซ้อน หรือแจ้งข้อมูลพื้นที่เกิน และแจ้งพื้นที่นาคาบเกี่ยว เช่น ชาวนาบางรายมีพื้นที่ที่จังหวัดเชียงใหม่ 8 ไร่ และลำพูน จำนวน 7 ไร่ ทั้งสองจังหวัดได้มีการทำนาจริง แต่ตามนโยบายจ่ายได้จังหวัดเดียว กรณีนี้เราจึงแจ้งทางจังหวัดให้ดำเนินการแก้ไข เนื่องจากเป็นปัญหาทางเทคนิค
เลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าวอีกว่า ปัญหาและข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในโครงการนี้ถือว่าน้อยมาก จากการสุ่มตรวจชาวนา 2,000 รายในพื้นที่ 30 อำเภอ มีชาวนาเพิกถอนสิทธิจำนวน 250 ราย และขอลดพื้นที่จากที่แจ้งไว้อีก 300 ราย เนื่องจากพบว่าข้อมูลไม่ตรงกับเงื่อนไขที่โครงการกำหนด ดังนั้นงานป้องปรามถือว่าได้ผล
