xs
xsm
sm
md
lg

เลื่อนอ่านฎีกา “โอ๋ สืบ 6” ปล่อยคนทำร้ายม็อบต้านทักษิณ เหตุติดราชการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา หรือ “โอ๋ สืบ 6”ที่ปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อและเลื่อนยศเป็น พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.อก.สพฐ.ตร.
ศาลเลื่อนอ่านฎีกา คดีจำคุก 2 ปี แต่ให้รอลงอาญา “พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา” หรือ “โอ๋ สืบ 6“” ปล่อยคนทำร้ายกลุ่มต้านทักษิณ หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ปี 49 เหตุจำเลยยังไม่ได้รับหมายและติดราชการ นัดอีกครั้ง 25 มิ.ย.นี้

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ห้องพิจารณคดี 909 เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (27 พ.ค.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีหมายเลขดำ ที่ อ.2314/50 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 และนายวิชัย เอื้อปิยาพันธุ์ กลุ่มต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา หรือ พ.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ อดีต ผกก.อก.สนว.ตร. และอดีต ผกก.สส. บก.น.6 ยศขณะนั้น ซึ่งสื่อมวลชนตั้งฉายาว่า “โอ๋ สืบ 6” เป็นจำเลยในความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการ หรือไม่กระทำการอย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบเพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ให้ต้องโทษหรือรับโทษน้อยลง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 200, 83 และ 90

โดยคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2549 เวลากลางวัน ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หรือจัดการให้เป็นไปตามกฎหมายอาญา มีหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริงแต่กลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยสั่งการให้นายจรัญ จงอ่อน นายชัยสิทธิ์ ลอม๊ะห์ นายสุเมธ บุญยรัตพันธุ์ เข้าไปรุมทำร้ายและจับกุมตัวนายฤทธิรงค์ ลิขิตประเสริฐกุล และนายวิชัย เอื้อปิยาพันธุ์ กลุ่มประชาชนที่ตะโกนขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และยังละเว้นไม่ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีผู้ที่รุมทำร้ายประชาชนที่ตะโกนขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ แขวงและเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

ต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความ ผิดวินัยต่อจำเลยฐานจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการหรือละเว้นกระทำการใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 79 (2), (5), (9) และมีมติให้ส่งเรื่องให้ ผบ.ตร.ดำเนินการตามวินัยตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 92 พร้อมส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีอาญาตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 97 จำเลยให้การปฏิเสธ

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานละเว้นปฏิบัติฯ มาตรา 157 ให้จำคุก 2 ปี ปรับ 10,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อน และเคยปฏิบัติหน้าที่สร้างคุณงามความดีเพื่อประเทศชาติมาโดยตลอด และได้ความว่าจำเลยถูกลงโทษทางวินัยร้ายแรงให้ไล่ออกจากราชการหมดอนาคตทางราชการแล้ว ถือว่าได้รับผลกระทบอย่างหนักแล้ว เห็นควรปรานีให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้ลงรออาญาไว้มีกำหนด 2 ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ต่อมาจำเลยได้ยื่นฎีกา

อย่างไรก็ตาม วันนี้ทนายจำเลยได้แถลงต่อศาลว่าจำเลยยังไม่ได้รับหมายและติดธุระราชการ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่ามีเหตุสมควร จึงให้เลื่อนไปอ่านคำพิพากษาอีกครั้งวันที่ 25 มิ.ย.นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น