รอยเตอร์ - นายวีลัด ฟิลัต อดีตนายกรัฐมนตรีมอลโดวาในวันจันทร์ (27 มิ.ย.) ถูกพิพากษาจำคุก 9 ปี ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ ข้อกล่าวหาที่ทางทนายความของเขาบอกว่าแรงจูงใจทางการเมืองพยายามทำลายเกียรติของเขา
นายฟิลัตถูกจับกุมระหว่างการประชุมรัฐสภาเมื่อเดือนตุลาคม ปีก่อน ตามหลังประท้วงใหญ่บนท้องถนนนานหลายเดือน ต่อกรณีที่เงินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐสูญหายไปจากภาคธนาคาร โดยเงินจำนวนดังกล่าวคิดเทียบเท่ากับ 1 ใน 8 ของเศรษฐกิจของประเทศอดีตสหภาพโซเวียตเล็กๆ แห่งนี้ ขณะที่เขาปฏิเสธความเกี่ยวข้องใดๆ กับอาชญากรรมดังกล่าวและบอกปัดทุกข้อกล่าวหา
อัยการ อาเดรียนา เบติซอร์ ที่ขอให้ลงโทษจำคุก 19 ปี บอกว่า คำพิพากษาเบาเกินไป และจะเดินหน้าคดีอื่นๆ ที่มีต่อนายฟิลัต อันเกี่ยวข้องกับการฉ้อฉลธนาคาร “เขาไม่ยอมสารภาพ แต่ความผิดนั้นชัดเจน คณะสืบสวนจะเดินหน้าในคดีอื่นๆ”
อย่างไรก็ตาม อิกอร์ โปปา ทนายความของฟิลัต บอกว่า คดีนี้มีแรงจูงใจทางการเมือง “เป้าหมายคือการทำลายล้างนายฟิลัต ในวิธีที่สร้างความเสื่อมเสียและทำลายชื่อเสียงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เราหวังเห็นกระบวนการพิจารณคดีที่ยุติธรรมนอกมอลโดวา และหวังได้พบกับคำพิพากษาที่ชอบธรรมตามกฎหมาย”
นายฟิลัต ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมตรีมอลโดวาระหว่างปี 2009-2013 ถูกยกย่องในฐานะนำมอลโดวาสู่เส้นทางฝักใฝ่ยุโรป ด้วยการลงนามในข้อตกลงคบค้าสมาคมกับอียู แต่วิกฤตเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อและปัญหาคอร์รัปชันในชนชั้นปกครองฉุดให้คะแนนไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อตัวเขาดำดิ่งสู่เลขหลักเดียว
เขาอ้างว่าตนเองกลายเป็นแพะของเรื่องอื้อฉาวภาคธนาคาร ที่ทำให้ค่าเงินมอนโดวาอ่อนยวบและทำลายมาตรฐานการครองชีพของประเทศ ซึ่งเป็นชาติที่ยากจนที่สุดในยุโรปอยู่ก่อนแล้ว
วิกฤตได้ทำให้เหล่าเจ้าหนี้นานาชาติระงับความช่วยเหลือทางการเงิน และย้ำให้เห็นถึงความเป็นคู่อริกันระหว่างกลุ่มชนชั้นปกครองในมอลโดวา
การแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในเดือนมกราคม ที่มีความใกล้ชิดกันกับนายวลาดิมีร์ พลาฮอทเนียค หนึ่งในมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดและบุคคลไม่พึงปรารถนามากที่สุดของมอลโดวา ได้กระตุ้นความขุ่นเคืองจากฝ่ายค้านและประชาชน ที่ต่างเรียกร้องให้มีการจัดเลือกตั้งใหม่