ASTVผู้จัดการ - ตร.มักกะสันรวบตัวหนุ่ม รปภ.บุกห้องพักคอนโดฯ สาวตอนตี 5 ปากแข็งอ้างเพื่อนนัดให้ไปเอาเงินแต่เข้าผิดห้อง ไม่มีเจตนาประทุษร้ายต่อทรัพย์หรือร่างกาย แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เหตุผู้ต้องหาให้การวกวน ขัดแย้งกับภาพกล้องวงจรปิด จึงดำเนินคดีข้อหาบุกรุกในเวลากลางคืน
จากกรณีที่มีผู้เผยแพร่ภาพวงจรปิดในเว็บไซต์ยูทิวบ์โดยระบุข้อความว่า *เตือนภัยผู้ใช้คอนโด ตี 5 ยามแอบไขกุญแจเข้ามาในห้อง จากการตรวจสอบพบว่าเหตุเกิดในอาคารคอนโด The Address อโศก ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม. โดนในคลิปปรากฏภาพชายแต่งกายลักษณะคล้ายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) บุกเข้าไปภายในห้องพักของหญิงคนหนึ่งภายในคอนโดฯ ดังกล่าว แต่ผู้เสียหายกลับไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทางนิติบุคคลของคอนโดฯ แต่อย่างใด เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.วันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (22 พ.ค.) ที่สน.มักกะสัน นายณัฐวุฒิ ผ่องเมืองปัก หรือหนึ่ง ชาว จ.อ่างทอง เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ชุติพงษ์ ตะกรุดทอง พงส.ผนก.สน.มักกะสัน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและแสดงความบริสุทธิ์ใจ จากกรณีที่น.ส.ธัญธรณ์ จริยศักดิพงษ์ อายุ 27 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่าถูกนายณัฐวุฒิบุกรุกเข้าไปในห้องพักในยามวิกาล ซึ่งทำให้ตนเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
จากการสอบสวนนายณัฐวุฒิให้การอ้างว่า ตนเองทำงานในตำแหน่งรักษาความปลอดภัยที่คอนโดฯ ดังกล่าวมานานกว่า 7 เดือน โดยก่อนเกิดเหตุตนได้มีการคุยโทรศัพท์ยืมเงินเพื่อนชื่อนัด (ไม่ทราบชื่อนามสกุล) ซึ่งเป็นผู้พักอาศัยอยู่ในอาคารดังกล่าว จากนั้นได้มีการนัดแนะให้ไปรับเงินจำนวน 500 บาทที่ห้องพักพร้อมบอกกับตนอีกว่าไม่ได้ล็อกประตูห้องไว้ให้เข้ามาได้เลย โดยตนเองก็ไม่ทราบเลขที่ห้องพัก ทราบแต่เพียงว่าอยู่ชั้นที่ 42 ห้องแรกตรงหัวมุมทางเดิน ต่อมาตนก็ได้ขึ้นไปตามเวลานัดหมาย เมื่อมาถึงหน้าห้องที่เกิดเหตุ ตนได้ก้มดูใต้ประตูพบว่ามีแสงไฟประกอบกับช่องตาแมวมีแสงไฟเช่นกันจึงคิดว่านายนัดรอตนอยู่จึงเปิดประตูห้องเข้าไป เนื่องจากประตูห้องไม่ได้ล็อกไว้ แต่เมื่อเข้าไปภายในห้องกลับพบว่าไม่มีเพื่อนตนอยู่ มีแต่หญิงสาวนอนอยู่ซึ่งผู้หญิงก็ได้ส่งเสียงร้องดัง ตนและหญิงสาวคนดังกล่าวต่างตกใจวิ่งกันไปคนละทิศคนละทาง โดยตนวิ่งออกมานอกห้อง แต่ก็ไม่ได้เล่าเหตุการณ์ดังกล่าวให้ใครฟัง ตนพยายามติดต่อกับนายนัดแต่ไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งออกเวรหัวหน้า รปภ.ได้มาตามตนเองเพื่อพูดคุยเรื่องดังกล่าว โดยตนยอมรับว่าได้กระทำดังกล่าวจริง แต่ไม่มีเจตนาที่จะเข้าไปประทุษร้ายต่อทรัพย์สินหรือบุคคลภายในห้องพัก และยอมรับว่าตนผิดระเบียบของบริษัทซึ่งปกติแล้วจะมีกฎระเบียบห้าม รปภ.เข้าไปในห้องผู้พักอาศัย
ด้าน พ.ต.ท.ชุติพงษ์กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับแจ้งความเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.ของวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง น.ส.ธัญธรณ์ ได้เดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ โดยทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาบุกรุกในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทางผู้เสียหายจดจำรูปพรรณของนายณัฐวุฒิได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาเนื่องจากยังให้การวกวน ประกอบกับคำให้การไม่ตรงกับภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพไว้ได้ คงต้องทำการสอบปากคำ น.ส.ธัญธรณ์โดยละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะดำเนินการขอหมายจับศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ซึ่งในชั้นพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวโดยผู้ต้องหาสามารถประกันตัวในชั้นศาล แต่ขึ้นกับดุลพินิจของศาลว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่
ต่อมาเวลา 13.00 น. น.ส.ธัญธรณ์เดินทางมาพร้อมพี่สาวเพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม ก่อนเล่าเหตุการณ์ในคืนเกิดเหตุว่า ตนได้พักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวมา 2 ปีแล้ว โดยตนอยู่กับพี่สาวแค่ 2 คน และจะมีน้องชายและญาติแวะมาพักด้วยเป็นบางครั้ง ก่อนเกิดเหตุตนกลับมาถึงคอนโดฯ ประมาณ 17.00 น.และเข้านอนประมาณ 02.00 น. ต่อมาในช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. ตนสะดุ้งตื่นขึ้นมาเนื่องจากได้ยินเสียงพื้นไม้ลั่นเหมือนมีคนย่องเข้ามา ตนก็เอะใจแต่ก็คิดว่าหูฝาดหรือเปล่า พอลองฟังดีๆ ก็เริ่มแน่ใจว่ามีคนแอบเข้ามาในห้อง จนเกิดความกลัวจึงเปิดโคมไฟข้างเตียงเห็นประตูห้องนอนแง้มอยู่จึงรีบลุกไปปิด แต่ปรากฏว่าคนร้ายซ่อนตัวอยู่ข้างๆ ราวตากผ้าใกล้ประตู ตนตกใจและกรี๊ดออกมา แต่ว่าตอนนั้นมองไม่เห็นหน้าเพราะไฟสลัว เห็นแค่โลโก้ของยามอยู่ที่แขนเสื้อของคนร้าย จึงวิ่งกลับไปที่เตียงแล้วกระชากโคมไฟมาถือไว้ ก่อนวิ่งไปที่คนร้ายอยู่ซ่อนอยู่แต่คนร้ายหายไปแล้ว ตนจึงเปิดประตูห้องนอนออกมาร้องเรียกให้คนช่วยแต่ก็ไม่มีใครออกมาช่วย จึงตัดสินใจวิ่งลงมาที่ล็อบบี้ชั้นล่างพบเจ้าหน้าที่ รปภ. ตนจึงเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ก่อนที่ รปภ.คนดังกล่าวได้วิทยุไปเรียกยามที่อยู่ตามป้อมทั้งด้านหน้าและหลังคอนโดฯ ต่อมาก็นายณัฐวุฒิวิ่งมาด้วยอาการเหนื่อยหอบ และถามว่าเกิดอะไรขึ้น พอเล่าให้นายณัฐวุฒิฟัง เขาก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่ยามจะไปอยู่ในห้อง และยังบอกอีกว่าตนตาฝาด ยามทุกคนต้องอยู่ประจำที่ที่ป้อมยาม ซึ่งนายณัฐวุฒิพูดออกมาแบบไม่มีพิรุธอะไรเลย ตนจึงขอให้เจ้าหน้าที่ รปภ.ประจำจุดล็อบบี้ขึ้นไปตรวจห้องให้หน่อย แต่ไปไม่ได้เพราะต้องอยู่ประจำล็อบบี้ ด้วยความห่วงทรัพย์สินจึงให้นายณัฐวุฒิขึ้นไปตรวจห้องด้วยกัน
น.ส.ธัญธรณ์กล่าวต่อว่า ต่อมาตนได้ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ยามที่ตามมาทีหลังบอกว่ากล้องเสียตั้งแต่ชั้น 40-44 แล้วบอกให้กลับไปดูวันพรุ่งนี้ตอนบ่าย ตนกลัวไฟล์ภาพโดนลบ ตอนนั้นได้นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ก่อนจะเอะใจวิ่งขึ้นไปห้องนิติบุคคลเพื่อดูภาพจากกล้องวงจรปิด แต่เมื่อไปถึงห้องพบว่าหัวหน้ายามกับช่างกำลังเปิดกล้องวงจรปิดดูภาพเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ ตนจึงถามว่าใช่ยามที่ขึ้นไปกับตนหรือเปล่า หัวหน้ายามก็บอกว่าใช่ ก็เลยถามว่าจะไม่ลบใช่ไหม และให้เก็บไฟล์นี้ไว้ แล้วพอเอาไฟล์มาเปิดย้อนดูก็พบว่าเป็นนายณัฐวุฒิ ซึ่งให้การไม่ตรงกับที่บอกว่าได้ยินเสียงตนกรี๊ดจึงเข้ามาดู แต่ความจริงคือนายณัฐวุฒิอยู่ในห้องก่อนตั้งแต่แรก โดยส่วนตัวตอนแรกคิดจะดำเนินคดีเฉพาะคนร้าย แต่ตนสงสัยว่าจะทำกันเป็นขบวนการหรือเปล่า ส่วนนายณัฐวุฒินั้นตนรู้จักแค่ว่าเป็นคนที่คอยดูแลเรื่องที่จอดรถให้ ซึ่ง รปภ.คนนี้รู้จักห้องพักของตนอย่างดี รู้แม้กระทั่งเลขห้องและชื่อญาติคนสนิท ตนคิดว่าเป็นไปได้ที่นายณัฐวุฒิจะรู้ความเคลื่อนไหวว่าตนอยู่คนเดียว จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีทรัพย์สินใดสูญหาย อย่างไรก็ตามปกติแล้วจะมีกฎห้ามให้ รปภ.ขึ้นไปข้างบนตึก โดยตนได้ปรึกษากับฝ่ายนิติบุคคลแล้วว่าก็ขอให้มีมาตรการป้องกันเพิ่มขึ้นสำหรับคนในให้ผู้พักอาศัยปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งหลังจากเกิดเหตุตนได้ออกมาพักอยู่บ้านเพื่อนของพี่สาว
จากนั้นเมื่อ น.ส.ธัญธรณ์ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแล้วจึงได้ขึ้นไปพบ พ.ต.ท.ชุติพงษ์ ซึ่งกำลังสอบสวนนายณัฐวุฒิอยู่ เมื่อนายณัฐวุฒิได้ยกมือไหว้ขอโทษ น.ส.ธัญธรณ์ พร้อมทั้งกล่าวขอโทษว่าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแค่เข้าผิดห้องเท่านั้นเอง แต่ น.ส.ธัญธรณ์ได้หลบอยู่หลังพี่สาวตลอดเวลา เพราะยังคงหวาดกลัวจากเหตุการณ์ดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายณัฐวุฒิ ผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป