ปคบ.ตรวจสอบพบยอดเงินที่ “บริษัท ยูฟัน” โยกย้ายออกไปต่างประเทศ 33 บัญชี กว่า 1,800 ล้านบาท พร้อมเร่งประสานตำรวจสากลจับตาผู้ต้องหาเครือข่ายยูฟันในประเทศมาเลเซีย และเชิญดาราที่ถ่ายภาพร่วมแก๊งยูฟันเข้าให้ข้อมูลพรุ่งนี้
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (22 พ.ค.) ที่ ปคบ. พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ.และ พ.ต.ท.ปองพล เอี่ยมวิจารณ์ รอง ผกก.ฝ่ายกิจการการฝึกอบรมวิทยาลัยตำรวจ เปิดเผยผลการตรวจสอบยอดเงินจำนวนมหาศาลที่ถูกยักย้ายออกนอกประเทศ พร้อมประสานความร่วมมือประเทศสมาชิกตำรวจสากล 189 ประเทศตรวจสอบการดำเนินธุรกิจและการร่วมทุนกับกลุ่มยูฟัน
พล.ต.ท.สุวิระกล่าวว่า ผู้ต้องหาราย 4 รายล่าสุดที่ถูกจับกุมในวันก่อน เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบบัญชีไปแล้วจำนวน 33 บัญชี พบเงินกว่า 1,816,369,081.31 บาท ที่ถูกถอนนำออกจากบัญชีภายในประเทศในรอบ 1 ปี และจากการสอบปากคำทราบว่าเงินจำนวนนี้ได้มีการเคลื่อนย้ายนำออกนอกประเทศไปหมดแล้ว โดยการนำออกจะมีทั้งที่นายชัยสงค์ วนัสบดีวงศ์ หรือนายบุน เกียท ชู ขับรถนำเงินสดข้ามแดนออกไป และมีที่มีคนกลางมารับนำข้ามไป ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างประสารตรวจเช็กภาพวงจรปิดตามธนาคารและด่านข้ามแดนเพื่อหาคนกลางดังกล่าว และนอกจากถูกแจ้งข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน เจ้าหน้าที่ยังแจ้งข้อหาเรื่องการฟอกเงินด้วย เพราะถือว่ามีส่วนในการสนับสนุนในการช่วย ยักย้าย ถ่ายเท ซ่อนเร้น ทรัพย์สินเงินทองที่ได้มาจากการกระทำความผิดที่มีการกู้ยืมเงินลักษณะการฉ้อโกงประชาชน
พ.ต.ท.ปองพลกล่าวว่า ขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำหนังสือชี้แจงและขอความร่วมมือกับตำรวจสากลในการเฝ้าระวังและติดตามตัวนายอาห์มัด คามาล (Ahmad Kamal) ที่ปรึกษาด้านการเงินของบริษัท ยูฟัน มาเลเซีย และยังเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ในการขึ้นพูดเชิญชวนให้คนมาร่วมทำธุรกิจในประเทศมาเลเซีย โดยจากข้อมูลพบว่าขณะนี้นายอาห์มัดได้ตระเวนขึ้นเวทีพูดเชิญชวนระดมเงินทุนเพื่อนำบริษัท ยูฟันเข้าตลาดหลักทรัพย์ในมาเลเซีย จึงได้ประสานให้ตำรวจสากลช่วยเฝ้าระวังนายอาห์มัด และกลุ่มผู้ต้องหาคนอื่นรวมกว่า 13 คน ที่เชื่อว่าจะหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ และให้เฝ้าระวังผู้ที่อาจจะร่วมเครือข่ายและให้เฝ้าระวังธุรกิจยูฟันที่อาจจะพบในแต่ละประเทศ โดยล่าสุดตำรวจสากลได้มีการส่งต่อหนังสือดังกล่าวให้แก่ประเทศสมาชิกกว่า 189 ประเทศแล้ว
พล.ต.ท.สุวิระกล่าวว่า ในส่วนของกรณีที่มีการแชร์การผ่านโลกโซเซียลว่ามีดารากลุ่มหนึ่งได้มีการถ่ายรูปร่วมกับเครือข่ายสมาชิกกลุ่มยูฟัน โดยอาจจะมีการร่วมบรรยาย หรือขึ้นพูดเชื้อเชิญให้ประชาชนมาร่วมลงทุนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีส่วนร่วมกับบริษัท ยูฟัน อย่างไร เป็นเพียงสมาชิกหรือเป็นแม่ข่าย มีการขึ้นพูดเชิญชวนด้วยหรือไม่ จากการที่มีประชาชนเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่กว่า 1,200 คน นั้นเบื้องต้นยังไม่มีผู้ใดกล่าวอ้างว่ามีดาราเป็นแม่ข่าย แต่จะเชิญดาราทั้งหมดที่ปรากฏเป็นข่าวมาให้ปากคำต่อไป โดยพรุ่งนี้ (23 พ.ค.) ก็จะมีดารา 1 ท่านเดินทางเข้าให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หากพบว่าดาราคนใดเข้าข่ายกระทำความผิดก็จะจับกุมทันทีไม่มีข้อละเว้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประชาชนยังคงเดินทางเข้าแจ้งความได้อยู่ เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ในกระบวนการการทำสำนวนส่งฟ้องมอบให้อัยการ และนอกจากนี้ยังจะทำการยื่นเรื่องต่ออัยการขอให้เป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติอีกด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นกังวลหรือไม่ในกรณีที่บางประเทศคดีลักษณะนี้ไม่มีฐานความผิด อาจจะทำให้ไม่สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีออกนอกประเทศได้เนื่องจากจะไม่ได้รับความร่วมมือในการติดตามตัว
พล.ต.ท.สุวิระกล่าวว่า จากการตรวจสอบนั้นพบว่าทุกประเทศมีกฎหมายรองรับคดีลักษณะนี้ โดยเฉพาะมาเลเซียเองก็ถือว่ามีฐานความผิด ได้รับความร่วมมือจากทุกประเทศแน่นอน นอกจากขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้แล้วยังจะขอให้มีการนำทรัพย์สินที่ถูกถ่ายโอนออกนอกประเทศ นำกลับเข้ามาในประเทศเพื่อส่งมอบให้ ปปง.ดำเนินการต่อไปด้วย