xs
xsm
sm
md
lg

สาวเจ้าของบัญชียันบริสุทธิ์ใจ ปัดตุ๋นเงินแรงงานไปแดนจิงโจ้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

น.ส.พัชรียา บุญทวีสวัสดิ์ ซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารกสิกรไทย
สาวเจ้าของบัญชีเงินโอนดอดพบกองปราบฯ แสดงความบริสุทธิ์ใจ อ้างไม่รู้เห็นหลอกแรงงานไปทำงานไร่ที่ประเทศออสเตรเลีย โบ้ยสมุดบัญชีและเอทีเอ็มหายไปตั้งแต่ปี 56 แต่ไม่ได้อายัดบัญชี ยอมรับที่ผ่านมาเคยพาแรงงานที่ออสเตรเลียมาแล้วหลายครั้ง

วันนี้ (13 พ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีกลุ่มผู้เสียหายซึ่งเป็นแรงงานชาวไทย 42 คน แจ้งความดำเนินคดีหลังจากถูกนางนที ฮาวเวิร์ด บอดี้แฮม ลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย นายหน้าหลอกลวงว่าสามารถพาไปทำงานไร่องุ่น และงานเกษตรกรรมที่ประเทศออสเตรเลีย มีรายได้ดีเฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท โดยมีการจ่ายเงินเป็นค่าดำเนินการรายละ 120,000-170,000 บาท รวมมูลค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาท แต่ภายหลังกลับไม่ได้เดินทางไปทำงานตามที่มีการกล่าวอ้าง ว่า น.ส.พัชรียา บุญทวีสวัสดิ์ ซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารกสิกรไทยที่ จ.เชียงใหม่ ที่ถูกใช้ในการโอนเงินจากผู้เสียหาย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ธนเสฏฐ์ ตุ้มเล็กเดชาวุฒิ พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.เพื่อให้ปากคำในฐานะพยาน และแสดงความบริสุทธิ์ต่อกรณีที่เกิดขึ้น

น.ส.พัชรียาให้การว่า ที่ผ่านมาตนไม่ทราบเรื่องการโอนเงิน เพราะบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็มสูญหายไปตั้งแต่ปี 2556 แต่ไม่ได้แจ้งความหรืออายัดบัญชีไว้เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ตนกับมารดาเคยพาแรงงานไทยที่สนใจไปทำงานไร่องุ่นที่ประเทศออสเตรเลียมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่พอเกิดเรื่องครั้งนี้และมีชื่อตนไปเกี่ยวข้องจึงรีบเดินทางมาจากประเทศออสเตรเลียมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

น.ส.พัชรียาให้การอีกว่า สำหรับคนที่ชื่อ “นที” มีศักดิ์เป็นพี่ของตน แต่ไม่ได้ทำงานเป็นเอเยนต์ หรือนายหน้าพาแรงงานไปทำงานต่างประเทศ ทั้งนี้ เมื่อเกิดเรื่องขึ้นทางครอบครัวก็รู้สึกไม่สบายใจ และอยากจะชดใช้เยียวยาเงินให้แก่ผู้เสียหายเป็นจำนวน 74,000 บาทซึ่งเป็นเงินส่วนตัว ส่วนเรื่องราวทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็เคยมีการเจรจากับผู้เสียหายมาบ้างแล้ว ฝ่ายตนขอเวลาในการดำเนินการ แต่ทางผู้เสียหายก็พากันมาแจ้งความเสียก่อน

ด้าน ร.ต.อ.ธนเสฏฐ์กล่าวว่า ในวันเดียวกันนี้ น.ส.พัชรียาเดินทางมาให้ปากคำในฐานะพยานซึ่งขณะนี้ในส่วนของคดีมีความคืบหน้าไปมาก มีการสอบปากคำผู้เสียหายไปแล้วกว่า 30 ปาก แต่ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ให้มากที่สุด โดยยังไม่มีการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาต่อใคร ส่วนการดำนินการจากนี้ไปก็จะตรวจสอบว่ายังมีบุคคลใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ หากพบว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงก็จะเรียกตัวมาสอบปากคำ ก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น