สาวใช้เอธิโอเปียร้อง จนท.อนามัยโลกกักขังรังแก เข้าข่ายค้ามนุษย์

สภาทนายความรับเรื่องสาวใช้ชาวเอธิโอเปียร้องถูกนายจ้างชาวเอธิโอเปียซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลก (WHO) กักขัง กดขี่ข่มเหงรังแก และยึดหนังสือเดินทาง พบเข้าข่ายคดีค้ามนุษย์

วันนี้ (1 เม.ย.) ที่สำนักงานกลางนักเรียนคริสเตียน นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีแรงงานหญิงงานชาวเอธิโอเปีย ทราบชื่อ น.ส.แอนเนต (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ถูกนายจ้างสองสามีภรรยาที่เป็นชาวเอธิโอเปียด้วยกัน กักขัง กดขี่ข่มเหงรังแก ซึ่งฝ่ายชายมีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลก (WHO) อยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่มีแต่คนต่างชาติอาศัยในย่านปากเกร็ด ทั้งนี้ น.ส.แอนเนตได้คุยกับนายจ้างฝ่ายหญิงซึ่งผ่านการติดต่อจากนายหน้า ได้ชักชวนให้ไปช่วยทำงานบ้าน และสัญญาว่าจะได้รับการดูแลอย่างดีและงานไม่หนัก ก่อนตกลงให้ค่าใช้จ่ายประมาณ 3000 บาทต่อเดือน จึงหลงเชื่อและเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทยตั้งแต่เดือน ก.ค. 56 โดยนายจ้างไปรับที่ประเทศเอธิโอเปียและเก็บหนังสือเดินทางของ น.ส.แอนเนตไว้

นายสรุพงษ์กล่าวต่อว่า เมื่อ น.ส.แอนเนตมาถึงแล้วนายจ้างกลับให้ทำงานตั้งแต่ตี 5 ถึงเที่ยงคืน ส่วนที่พักเป็นห้องแคบ นอนกับสุนัขตัวใหญ่ ไม่จ่ายเงินเดือนให้ อาหารให้กินแต่ข้าวเปล่า ถูกทุบตีต่อหน้าลูกของนายจ้าง และยังถูกกังขังในบ้านแบบไม่ให้ออกจากบ้าน และไม่ให้เข้าบ้าน ซึ่งนายจ้างฝ่ายหญิงมักเอาตำแหน่งสามีมาขู่จน น.ส.แอนเนตไม่สามารถทำอะไรได้ และเมื่อขอพาสปอร์ตคืนทางนายจ้างก็บ่ายเบี่ยง

จนเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา น.ส.แอนเนตถูกทุบตีอย่างไม่ทราบสาเหตุ และถูกไล่ออกจากบ้าน ด้วยความเศร้าหมองจึงมีความคิดจะโดดบ่อน้ำในหมู่บ้านเพื่อฆ่าตัวตาย แต่ก็มาเจอกับเพื่อนชาติเดียวกันที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันพาไปพบองค์กรเอกชนแห่งหนึ่งที่ดูแลเรื่องสิทธิสตรีและเด็ก เพื่อคุ้มครองและพาไปแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ใน 4 ข้อหา ซึ่งมีเรื่องข้อหาการค้ามนุษย์รวมอยู่ด้วย และแจ้งความอีกครั้งเรื่องยึดพาสปอร์ตเมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากที่แจ้งความแล้ว ทาง น.ส.แอนเนตได้เดินทางมายังสภาทนายความ และก็มาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วมีความเห็นว่าควรช่วยเหลือก็นำข้อมูลทั้งหมดยื่นให้คณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายของสภาทนายความ เพื่อเอาเข้าที่ประชุมว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป