xs
xsm
sm
md
lg

“พงศพัศ” ฝึกอบรมยุทธวิธีตรวจค้น-จับกุมยาเสพติด

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


“พงศพัศ” เป็นประธานจัดฝึกอบรมยุทธวิธีตรวจค้น-จับกุมยาเสพติดแก่ ตร.สังกัด บก.น.4 กว่า 65 นาย เผยพอใจในการฝึกและจะติดตามประเมินผลอีก 90 วัน ชี้ ตร.3 นายรับโทษกักขัง 30 วัน เตรียมเสนอเรื่องถึง รรท.ผบช.ลงโทษเหมาะสมหรือไม่

วันนี้ (17 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. เป็นประธานในการประเมินผลการฝึกอบรมทางด้านยุทธวิธีตำรวจปราบปรามยาเสพติดของข้าราชการตำรวจในสังกัด บก.น.4 จาก 8 สถานีตำรวจ รวมจำนวน 65 คน ซึ่งทำการฝึกอบรมโดยครูฝึกของ บช.ปส. โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในสังกัด บช.ปส. และ บก.น.4 พร้อมด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานสถานีตำรวจ (ก.ตร.) จาก 8 สน.เข้าร่วมรับชมด้วย

ทั้งนี้ ในการฝึกยุทธวิธีดังกล่าวได้ให้ชุดปราบปรามยาเสพติดของ สน.บางชัน แสดงยุทธวิธีการหยุดรถ การเข้าตรวจค้น และการจับกุมผู้ต้องหาตามมาตรฐานสากล โดยขั้นตอนแรกนำรถตำรวจมาปิดกั้นถนนเพื่อสกัดจับ ต่อมาได้สั่งการให้ผู้ต้องหาที่อยู่ในรถทำการลดกระจกลงและชูมือขึ้น ก่อนจะให้ออกมายังนอกตัวรถและหมอบราบลงกับพื้น จากนั้นจึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการเข้าจับกุม และเข้าตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายภายในตัวบุคคลและรถยนต์

พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ตนได้ติดตามผลการฝึกอบรมมาโดยตลอดทั้ง 5 วัน ซึ่งผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความตั้งใจและกระตือรือร้นที่จะทำหน้าที่อย่างมืออาชีพ และไม่ต้องการให้เหตุการณ์อย่างที่เกิดขึ้นกับกรณี น.ส.อภีษฎา สัจพันโรจน์ หรือน้องโบว์ โรจน์ อายุ 21 ปี นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกิดขึ้นอีก ซึ่งตนรู้สึกพอใจและจะมีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องต่อไปอีก 90 วัน โดยตนได้กำชับให้ฝึกอบรมยุทธวิธีเพิ่มเติมในกรณีที่ผู้ต้องหาไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของตำรวจ ในการเข้าตรวจค้นและจับกุม หรือกรณีหากผู้ต้องหาไม่ยอมให้จับกุม มีการขับรถฝ่าด่านหรือยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ จะต้องมีมาตรการยุทธวิธีอย่างไรบ้าง หลังจากนั้นจะกลับมาแถลงถึงผลการทำงานในพื้นที่เพื่อปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งนำมาเป็นข้อมูลในการจัดทำหลักสูตรกลางเพื่อฝึกอบรมตำรวจที่ทำหน้าที่ด้านการปราบปรามยาเสพติดในทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศเพื่อให้เป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวอีกว่า สำหรับหลักสูตรฝึกอบรมจะมีการเน้นในเรื่องของการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลบุคคล ยานพาหนะ ที่อยู่อาศัย และพฤติการณ์ด้านยาเสพติด เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนการสืบสวนและปฏิบัติการสะกดรอยติดตามทั้งบุคคลและยานพาหนะ โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชนและเขตเมือง โดยเน้นการสะกดรอยติดตามในลักษณะเกาะติดกับยานพาหนะตั้งแต่จุดเริ่มต้นจากชุมชนหรือบ้านของผู้ต้องสงสัย และเกาะติดยังจุดหมายปลายทาง โดยหลีกเลี่ยงการสกัดจับหรือหยุดยานพาหนะในท้องถนนหรือที่ชุมชน ที่อาจกระทบต่อการเดินทางหรือการดำเนินชีวิตประจำวันของบุคคลทั่วไป รวมทั้งการฝึกปฏิบัติยุทธวิธีทั้งการตรวจค้นจับกุมและการใช้อาวุธซึ่งเป็นยุทธวิธีที่สำคัญที่สุด ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้เกิดความมั่นใจในการทำหน้าที่ของตำรวจอย่างมืออาชีพ ไม่มีการลองผิดลองถูกและเกิดความผิดพลาดอีกต่อไป

พล.ต.อ.พงศพัศยังกล่าวถึงกรณีการดำเนินการทางวินัยต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.บางชัน 3 นาย ประกอบด้วย ร.ต.ต.สุพจน์ โทเกษ รอง สว.สส. ด.ต.จำเนียร ขันแดง และ ด.ต.รัศมี เทพทา ว่าเบื้องต้นนั้นทางคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้สรุปผลในเบื้องต้นโดยให้มีการกังขังตำรวจทั้ง 3 นายเป็นเวลา 30 วัน โดยตามขั้นตอนจะต้องเสนอเรื่องให้ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รรท.ผบช.น.ได้พิจารณาว่าโทษดังกล่าวเหมาะสมด้วยเหตุที่เกิดขึ้นหรือไม่ และเมื่อผลเป็นประการใดจะต้องส่งเรื่องให้กองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้พิจารณาอีกชั้นหนึ่ง โดยจะมีการรวบรวมเรื่องผลการสืบสวนข้อเท็จจริงจากสำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติประกอบการพิจารณาอีกชั้นหนึ่งด้วย หลังจากนั้นก็จะรวบรวมผลเรื่องการสืบสวนข้อเท็จจริงเสนอไปยัง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร.พิจารณาในขั้นตอนสุดท้ายต่อไป ส่วนผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดของตำรวจทั้ง 3 นายจะมีความผิดด้วยหรือไม่นั้นจะต้องรอคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงพิจารณาอีกครั้ง



กำลังโหลดความคิดเห็น