ศาลพิพากษายกฟ้อง “ธาริต” ไม่หมิ่น “สุเทพ ” แถลงเปลี่ยนแปลงการประมูลสร้างโรงพัก 396 แห่ง ชี้แสดงความเห็นเกี่ยวกับคดีในฐานะเจ้าพนักงาน จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.495/2556 ที่พระสุเทพ ปภากโร หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.เป็นโจทก์ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากกรณีเมื่อวันที่ 21 ม.ค. - 4 ก.พ. 2556 นายธาริตแถลงข่าวกล่าวหานายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นผู้สั่งการไม่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำสัญญาก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ 396 แห่งเป็นรายภาค ตามที่ สตช.เสนอ แต่กลับให้รวมสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างเพียงรายเดียว ทำให้บริษัท พีซีซี ดิเวลล็อปเม้นท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล จนเกิดปัญหาที่ไม่สามารถก่อสร้างได้เสร็จทันตามกำหนด โดยวันนี้ นายธาริต จำเลยและทนายความเดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาล ขณะที่โจทก์มีผู้รับมอบอำนาจเดินทางมาแทน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้การแถลงข่าวของจำเลยจะเป็นการกล่าวหาโจทก์ว่าเป็นผู้สั่งการยกเลิกโครงการก่อสร้างโรงพักจากรายภาคมาเป็นรายเดียว แต่ก็เป็นการอนุมัติตามหนังสือของสำนักงานแห่งชาติ (ตร.) ที่เสนอมา สอดคล้องกับที่จำเลยได้ตรวจสอบ เรื่องดังกล่าวในภายหลังก็ได้มีการร้องเรียนว่าพบข้อมูลการทุจริตในโครงการดังกล่าว จากนั้นกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนและรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ รวมทั้งยังเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ การแถลงข่าวของจำเลยจึงเป็นการตรวจสอบโครงการก่อสร้างโรงพัก และให้ความเห็นในทางกฎหมายในฐานะอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไม่ได้มีการยืนยันข้อเท็จจริงแต่อย่างใดว่าโจทก์ได้กระทำการทุจริตใดๆ ซึ่งในการแถลงข่าวจำเลยได้กล่าวในตอนท้ายว่าเป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป
โดยขณะนั้นโจทก์ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นตำแหน่งทางการเมืองระดับสูง เมื่อมีผู้พบเห็นความไม่ปกติของโครงการดังกล่าวจึงได้ตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์ตามขอบเขตของกฎหมาย การแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์ของจำเลยเป็นการสรุปความคืบหน้าของคดี ตามพยานหลักฐานในสำนวนคดีที่ปรากฏ ที่ได้รับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อแถลงข่าวให้ประชาชนได้รับทราบ ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานที่ได้ปฎิบัติตามอำนาจหน้าที่และเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 (2) พยานหลักฐานจำเลยนำสืบหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ จึงยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง
ภายหลังนายธาริตกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ตนสบายดี และยังคงปฏิบัติหน้าที่ในสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีคดีความที่ถูกฟ้องร้องขณะปฎิบัติหน้าที่อธิบดีดีเอสไอรวมแล้วกว่า 30 คดี