“พระสุเทพ” เบิกความคดีฟ้อง “ธาริต” แถลงข่าวหมิ่น เปลี่ยนแปลงสัญญาก่อสร้างโรงพัก 396 แห่ง ยันประมูลโปร่งใส ต่ำกว่าราคากลางกว่า 500 ล้าน
ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (5 ก.พ.) ศาลนัดสืบพยานโจทก์ คดีดำ อ.495/2556 ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือพระสุเทพ ปภากโร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการ กปปส. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 21 ม.ค. - 4 ก.พ. 2556 นายธาริต จำเลยแถลงข่าวกล่าวหาใส่ร้ายโจทก์ทำนองว่า เป็นผู้มีคำสั่งไม่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ 396 แห่งทั่วประเทศ ตามที่เสนอ แต่กลับให้รวมสัญญาการจัดซื้อ จัดจ้าง เพียงรายเดียว ทำให้บริษัท พีซีซี ดิเวลล็อปเม้นท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล จนเกิดปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ
โดยวันนี้ พระสุเทพ ปภากโร เลขาธิการ กปปส. และอดีตรองนายกรัฐมนตรี เบิกความตอบคำถามของทนายความโจทก์และคำซักค้านของทนายจำเลยสรุปว่า จำเลยให้ข่าวซ้ำซากหลายครั้งว่า โจทก์แทรกแซงการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างประมูลการก่อสร้างโรงพักทดแทนและยังอ้างว่าโจทก์เอื้อประโยชน์แก่บริษัทประมูลราคาเป็นการฮั้วประมูล แต่ความจริงแล้วเป็นการประมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งผู้ประมูลเสนอราคาผ่านระบบคอมพิวเตอร์ บริษัทประมูลอื่นจะไม่สามารถทราบราคาของบริษัทคู่แข่งได้ และบริษัทที่ประมูลได้นั้นเสนอราคาต่ำกว่าราคากลาง 540 ล้านบาท ซึ่งการประมูลเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้นจึงไม่ใช่เป็นการฮั้วประมูล ซึ่งจำเลยสามารถตรวจสอบได้ การที่จำเลยสัมภาษณ์สื่อมวลชนเป็นการจงใจใส่ความโจทก์เพื่อหวังผลทางการเมืองซึ่งในขณะนั้นอยู่ในระหว่างการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และพรรคเพื่อไทยได้ส่ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ลงสมัครเลือกตั้ง ใส่เสื้อหมายเลข 9 ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ลงสมัครเลือกตั้ง โดยจำเลยมีเจตนาช่วยเหลือ พล.ต.อ.พงศพัศ ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างโรงพักทดแทน และเพื่อหวังทำลายคะแนนเสียงของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และให้ พล.ต.อ.พงศพัศทำบันทึกถึง สตช.ว่าเห็นควรดำเนินการที่ สตช.เสนอมา ดังนั้นจะเห็นได้ว่า พล.ต.อ.พงศพัศรับทราบและเห็นชอบด้วยในการจัดซื้อจัดจ้างแบบรวมสัญญา แสดงให้เห็นว่าจำเลยแถลงข่าวเพื่อหลีกเลี่ยงข้อเท็จจริง ทั้งใส่ความโจทก์ ส่วนมติ ครม.เป็นการพูดถึงระยะเวลาก่อสร้างเป็น 3 ปี วงเงิน 6 พันกว่าล้านบาท โดย ครม.ไม่ได้พูดถึงการจัดซื้อจัดจ้างแบบแยกประมูลเป็นรายภาคหรือรวมประมูลเป็นสัญญาเดียว และเหตุผลที่ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรก.ผบ.ตร.เสนอให้การจัดซื้อจัดจ้างเป็นแบบรวมสัญญานั้นเพราะเป็นโครงการเดียว งบประมาณเดียว จึงต้องรวมเป็นสัญญาเดียว
ภายหลังพระสุเทพเบิกความเสร็จสิ้นแล้ว ศาลจึงนัดสืบพยานโจทก์ครั้งต่อไปวันที่ 10 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.