“สมยศ” เผยให้ออกจากราชการไว้ก่อน “ด.ต.ปืนไว” ยิงหนุ่มซิ่งบิ๊กไบค์แหกด่านดับ ย้ำจำเป็นต้องฝึกซ้อมยุทธวิธีมากขึ้น เพื่อให้ผู้ปฏิบัติคุมสติและอารมณ์ได้
วันนี้ (19 มี.ค.) ที่ศูนย์พัฒนาการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าในกรณี ด.ต.สุพรรณ ขำนิจ ผบ.หมู่งานปราบปราม สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี ใช้อาวุธปืนยิง นายนเรศ โรจน์บุญส่งศรี อายุ 40 ปี ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ (บิ๊กไบค์) ฝ่าด่านตรวจ จนเสียชีวิต ซึ่งล่าสุดผลการชันสูตรโดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม พบว่า เป็นการยิงด้วยอาวุธปืนจากทางด้านหลัง ว่า ต้นสังกัดได้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนากับตำรวจคนดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นเมื่อถูกแจ้งข้อกล่าวหาก็ต้องมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน และจะต้องสอบสวนทางวินัย คู่ขนานไปกับการสอบสวนทางอาญา โดยสอบสวนในประเด็นว่าการปฏิบัติของตำรวจนายดังกล่าวนั้น มีเหตุปัจจัยอย่างไร โดยเบื้องต้นทางต้นสังกัดของตำรวจนายดังกล่าวจะต้องดูแลเยียวยาผู้เสียหาย
ผบ.ตร. กล่าวว่า จากเหตุการณ์นี้ ตนได้หารือกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องมีการฝึกทบทวน เสริมทักษะด้านยุทธวิธีให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดความชำนาญและมีสติในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ ยกตัวอย่างเหตุที่ตำรวจบุกจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดที่ จ.สกลนคร โดยคนร้ายใช้มีด ตำรวจใช้ปืน แล้วมีการยิงจนคนร้ายเสียชีวิต นั้น บางครั้งอาจเกิดจากสติ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เมื่อเกิดเหตุสติของแต่ละคนไม่เท่ากัน หากไม่รับการฝึกจนชำนาญก็ผิดพลาดได้ จากนี้จะต้องฝึกตำรวจในเรื่องการตั้งด่าน การจับกุม การสกัดเพื่อให้ตำรวจมีความมั่นใจทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ 2 กรณีนี้ ทั้งที่ชลบุรี และ สกลนคร ขออย่ามองว่าเป็นความผิดพลาดของตำรวจทั้งประเทศ
“บางครั้งเราไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ เราไม่รู้สถานการณ์ สภาวะจิตใจ และปัจจัยแวดล้อมว่าเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นก่อเกิดเหตุ จนเกิดอารมณ์ เกิดความรู้สึกอะไรหรือไม่ บางครั้งผู้ปฏิบัติมีประสบการณ์น้อย ไม่คิดว่าผลการกระทำจะรุนแรง เสียหาย จึงเป็นหน้าที่ที่ผู้บังคับบัญชาต้องสอดส่อง ฝึกฝนให้ผู้ปฏิบัติมีทักษะ สามารถคุมสติ คุมอารมณ์ได้” พล.ต.อ.สมยศ กล่าว
