เพชรบูรณ์ - ตำรวจสันติบาลเรียกนายดาบตำรวจที่พบอยู่กับ “กฤษณ์-รอง ปธ.นปช.เพชรบูรณ์” มือโพสต์-แชร์แถลงการณ์ปลอม-หมิ่นเบื้องสูง กลับต้นสังกัดแล้ว ส่วนเสื้อแดงอีกคนเจอข้อหารับแทงหวยเถื่อน ด้านพ่อ-แม่ดีเจเสื้อแดงเริ่มได้รับผลกระทบ คนไม่เข้าร้าน
วันนี้ (5 ก.พ.) พล.ต.ต.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ กล่าวถึงเครือข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูงในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ หลังเจ้าหน้าที่จับกุมนายกฤษณ์ หรือ “เน็ท” บุดดีจีน อายุ 26 ปี หนุ่มเสื้อแดง รองประธาน นปช.เพชรบูรณ์ ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากเป็นผู้แพร่ข้อมูลแถลงการณ์ปลอม ว่า เครือข่ายหมิ่นเบื้องสูงก็ยังมีอยู่ตลอด เพียงแต่ว่าพฤติกรรมที่มีการแสดงออกเป็นห้วงเวลาที่จะทำกันออกมา
โดยทางเจ้าหน้าที่ไม่อาจจะทราบได้ว่าจะทำลักษณะนี้กันเมื่อไหร่ แต่เมื่อเปิดออกมาก็ต้องไล่ตามว่าต้นตอมาจากไหนและมีเจตนาเพื่ออะไร เจตนาเพื่อปลุกกระแสความเคลื่อนไหว หรือเพื่อความสนุกสนาน
พล.ต.ต.อภิชาติยังยกตัวอย่างกรณีนายกฤษณ์ว่า อย่างรายนี้พอเริ่มแพร่ และมีถิ่นที่อยู่อยู่ในเพชรบูรณ์ ทางส่วนกลางมีการติดตามสืบสวนสอบสวน จากนั้นจึงเอาข้อมูลมาประสานกับทางพื้นที่เพื่อเข้าไปตรวจสอบ โดยใช้อำนาจของกฎอัยการศึก แล้วก็มีการนำตัวผู้ต้องหาไป ทางเราเป็นแค่ปลายทาง และสนับสนุนการทำงานเท่านั้นเอง
สำหรับกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าตรวจค้นในคืนเดียวกับการตรวจค้นบ้านพักนายกฤษณ์ ล่าสุดตำรวจสันติบาลรายนี้ได้ถูกเรียกตัวกลับต้นสังกัดไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนนายคมกฤษณ์ ลิขิตเจริญพงษ์ สมาชิกในกลุ่มคนเสื้อแดงเพชรบูรณ์อีกราย ทางเจ้าหน้าที่ตรวจพบโพยหวยกินรวบจำนวน 366 ฉบับ รวมยอดเงิน 2.9 ล้านบาทเศษ จึงนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ดำเนินคดีในข้อหาเล่นการพนันสลากกินรวบฝ่ายเจ้ามือ (ผู้เดินโพย) ล่าสุดยังอยู่ในชั้นสอบสวน โดยนายคมกฤษณ์ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้านครอบครัวนายกฤษณ์ หนุ่มเสื้อแดงมือโพสแถลงการณ์ปลอม เริ่มได้รับผลกระทบตามมาแล้ว โดยเฉพาะธุรกิจการค้า ซึ่งเดิมเคยมีลูกค้าอุดหนุนกันหนาแน่น แต่ปัจจุบันกลับเริ่มเบาบางลง
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปขอสอบถามข้อมูล ก็ได้รับจากปฏิเสธจากพ่อ และแม่ของนายกฤษณ์ โดยอ้างว่าหลังมีภาพมารดานายกฤษณ์ให้สัมภาษณ์ไปปรากฏทางสื่อทีวี ทำให้เริ่มมีผลกระทบตามมา นอกจากนี้ยังหวั่นเกรงว่าญาติพี่น้อง และคนใกล้ชิดจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม พ่อและแม่ของนายกฤษณ์ต่างยืนยันว่าสิ่งที่ลูกชายทำไปเพียงเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์เท่านั้น และเมื่อพบเห็นสิ่งผิดปกติก็ลบทิ้งทันที
ส่วนการที่ลูกชายเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ก็เป็นแค่การแสดงออกเพราะมีความเห็นต่าง และไม่ได้ทำให้ใครเกิดความเสียหาย
เมื่อถามว่าจะไปเยี่ยมลูกชายเมื่อไหร่ พ่อ-แม่นายกฤษณ์บอกว่า คงต้องไป แต่ช่วงนี้ขอทำมาหากินก่อนเพราะไม่ได้มีฐานะร่ำรวย และการที่เครื่องมือสื่อสารถูกเจ้าหน้าที่ยึดไปหมดก็ทำให้การติดต่อสื่อสารทำได้ลำบากด้วย