ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (ภูเก็ต) เอาจริงลุยตรวจเรือให้บริการท่องเที่ยวดำน้ำ เน้นประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจห้ามทำลายทรัพยากรธรรมชาติ หากตรวจสอบพบว่า มีการทำความผิดพร้อมจับกุมดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด
จากกรณีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ข้อมูลนักท่องเที่ยวต่างชาตินำปะการัง และหอยมือเสือ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าที่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ขึ้นมาถ่ายรูปกันบนเรือ ซึ่งเหตุเกิดพื้นที่ของจังหวัดภูเก็ต จนกลายเป็นที่วิพากวิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ขณะพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายธเนศ มั่นน้อย ผู้อำนวยการการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (ภูเก็ต) กล่าวว่า หลังจากทางศูนย์ฯ ทราบมีการเผยแพร่ภาพนักท่องเที่ยวกำลังถ่ายรูปกับหอยมือเสือ และปะการังบนเรือลำหนึ่ง ทางศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (ภูเก็ต) ก็ได้นำเรือออกของ ทช. 220 ลงพื้นที่หาข่าวทันที เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจสอบพบเรือยุนจา เลขทะเบียน 008625751 กำลังลอยลำบริเวณทิศตะวันตกของเกาะเฮ จึงเข้าตรวจสอบ พบกัปตันเรือเป็นคนไทย ส่วนมัคคุเทศก์ และผู้นำเที่ยวมีสัญชาติจีน แต่จากการตรวจสอบในเรือ และบริเวณโดยรอบไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
“จึงได้ทำความเข้าใจต่อกัปตัน และแจ้งมัคคุเทศก์เรื่องการกระทำผิดกรณีท่องเที่ยวและดำน้ำในทะเลไทย พร้อมให้เอกสาร และติดป้ายประชาสัมพันธ์ในเรือ ส่วนเรื่องไม่มีเอกสารและบุคคลแสดงตัวเป็นมัคคุเทศก์ชาวไทย ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 และ จนท.ศูนย์ฯ ไม่ได้รับมอบอำนาจในการจับกุม จึงได้แจ้งต่อสำนักทะเบียนฯ และตำรวจท่องเที่ยว เพื่อดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป”
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการตรวจสอบในครั้งนี้จะไม่พบว่ามีการกระทำความผิด แต่ทางศูนย์อนุรักษ์ฯ ก็จะติดตามพฤติกรรมของเรือลำดังกล่าวต่อไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรือในลักษณะนี้ และน่าจะเป็นเจ้าของเดียวกันมี จำนวน 2 ลำ ซึ่งในวันที่เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบนั้นพบว่า เรืออีกลำไม่ได้ออกให้บริการนักท่องเที่ยว แต่ก็ได้มีการขึ้นบัญชีไว้แล้วเพราะจะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ในการเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้เรือที่นำนักท่องเที่ยวออกไปดำน้ำ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติทั้งที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือจงใจ ทางศูนย์จะจัดเรือออกไปตรวจเยี่ยมเรือเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง และเข้มขนมากขึ้น รวมทั้งจะประชาสัมพันธ์ และแจ้งให้ทราบถึงแนวปฏิบัติในการท่องเที่ยวทางทะเล และถ้าพบว่า มีการกระทำความผิดก็จะจับกุม และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ นายสันติ ป่าหวาย นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เขต 2 (ภูเก็ต) กล่าวว่า ในส่วนของบริษัทที่ให้บริการนำเที่ยวทางทะเลโดยเรือนำเที่ยวจนมีการถ่ายภาพว่ามีการจับหอยมือเสือ และปะการังขึ้นมาถ่ายรูป จนกระทั้งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบ และพบว่าบนเรือมีชาวต่างชาติทำหน้าที่เป็นไกด์ให้บริการนำเที่ยวนั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลของทางบริษัท ว่า มีการจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ และในเร็วๆ นี้จะเชิญบริษัทนำเที่ยวที่มีปัญหามาชี้แจงต่อทางทางสำนักงานฯ ต่อไป ถ้ามีการกระทำความผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนกรณีเรือยุนจา เลขทะเบียน 008625751 จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เป็นเรือที่จดทะเบียนในนามบริษัทโอแซด ไดฟ์วิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมหุ้นระหว่างชาวเกาหลีและคนไทย เป็นเรือขนาดยาว 20.40 เมตร กว้าง 9 เมตร ลึก 2.48 เมตร บรรทุกผู้โดยสารได้ 55 คน ลูกเรือ 5 คน เป็นเรือ 2 ท้อง จดทะเบียนเป็นเรือให้บริการนำเที่ยวเมื่อวันที่ 21 มี.ค.57 และจะหมดอายุในวันที่ 20 มี.ค.58
จากกรณีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ข้อมูลนักท่องเที่ยวต่างชาตินำปะการัง และหอยมือเสือ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าที่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ขึ้นมาถ่ายรูปกันบนเรือ ซึ่งเหตุเกิดพื้นที่ของจังหวัดภูเก็ต จนกลายเป็นที่วิพากวิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ขณะพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายธเนศ มั่นน้อย ผู้อำนวยการการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (ภูเก็ต) กล่าวว่า หลังจากทางศูนย์ฯ ทราบมีการเผยแพร่ภาพนักท่องเที่ยวกำลังถ่ายรูปกับหอยมือเสือ และปะการังบนเรือลำหนึ่ง ทางศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (ภูเก็ต) ก็ได้นำเรือออกของ ทช. 220 ลงพื้นที่หาข่าวทันที เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจสอบพบเรือยุนจา เลขทะเบียน 008625751 กำลังลอยลำบริเวณทิศตะวันตกของเกาะเฮ จึงเข้าตรวจสอบ พบกัปตันเรือเป็นคนไทย ส่วนมัคคุเทศก์ และผู้นำเที่ยวมีสัญชาติจีน แต่จากการตรวจสอบในเรือ และบริเวณโดยรอบไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
“จึงได้ทำความเข้าใจต่อกัปตัน และแจ้งมัคคุเทศก์เรื่องการกระทำผิดกรณีท่องเที่ยวและดำน้ำในทะเลไทย พร้อมให้เอกสาร และติดป้ายประชาสัมพันธ์ในเรือ ส่วนเรื่องไม่มีเอกสารและบุคคลแสดงตัวเป็นมัคคุเทศก์ชาวไทย ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 และ จนท.ศูนย์ฯ ไม่ได้รับมอบอำนาจในการจับกุม จึงได้แจ้งต่อสำนักทะเบียนฯ และตำรวจท่องเที่ยว เพื่อดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป”
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการตรวจสอบในครั้งนี้จะไม่พบว่ามีการกระทำความผิด แต่ทางศูนย์อนุรักษ์ฯ ก็จะติดตามพฤติกรรมของเรือลำดังกล่าวต่อไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรือในลักษณะนี้ และน่าจะเป็นเจ้าของเดียวกันมี จำนวน 2 ลำ ซึ่งในวันที่เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบนั้นพบว่า เรืออีกลำไม่ได้ออกให้บริการนักท่องเที่ยว แต่ก็ได้มีการขึ้นบัญชีไว้แล้วเพราะจะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ในการเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้เรือที่นำนักท่องเที่ยวออกไปดำน้ำ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติทั้งที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือจงใจ ทางศูนย์จะจัดเรือออกไปตรวจเยี่ยมเรือเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง และเข้มขนมากขึ้น รวมทั้งจะประชาสัมพันธ์ และแจ้งให้ทราบถึงแนวปฏิบัติในการท่องเที่ยวทางทะเล และถ้าพบว่า มีการกระทำความผิดก็จะจับกุม และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ นายสันติ ป่าหวาย นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เขต 2 (ภูเก็ต) กล่าวว่า ในส่วนของบริษัทที่ให้บริการนำเที่ยวทางทะเลโดยเรือนำเที่ยวจนมีการถ่ายภาพว่ามีการจับหอยมือเสือ และปะการังขึ้นมาถ่ายรูป จนกระทั้งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบ และพบว่าบนเรือมีชาวต่างชาติทำหน้าที่เป็นไกด์ให้บริการนำเที่ยวนั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลของทางบริษัท ว่า มีการจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ และในเร็วๆ นี้จะเชิญบริษัทนำเที่ยวที่มีปัญหามาชี้แจงต่อทางทางสำนักงานฯ ต่อไป ถ้ามีการกระทำความผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนกรณีเรือยุนจา เลขทะเบียน 008625751 จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เป็นเรือที่จดทะเบียนในนามบริษัทโอแซด ไดฟ์วิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมหุ้นระหว่างชาวเกาหลีและคนไทย เป็นเรือขนาดยาว 20.40 เมตร กว้าง 9 เมตร ลึก 2.48 เมตร บรรทุกผู้โดยสารได้ 55 คน ลูกเรือ 5 คน เป็นเรือ 2 ท้อง จดทะเบียนเป็นเรือให้บริการนำเที่ยวเมื่อวันที่ 21 มี.ค.57 และจะหมดอายุในวันที่ 20 มี.ค.58