สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งเตรียมพร้อมรับสถานการณ์อย่างไม่น่าไว้ใจ “ผบ.ตร.” สั่งด้วยวาจาให้ทุกโรงพักตรวจตราวัตถุต้องสงสัยเกรงก่อวินาศกรรม เผย 1 เดือนชุดคดี “ไปป์บอมบ์” พารากอน ไม่ไปไหน คาดเหตุขัดแย้ง “บิ๊กแป๊ะ - บิ๊กปู” คืออุปสรรค
ผ่านไป 1 เดือนพอดีกับเหตุการณ์ระเบิดไปป์บอมบ์เขย่าเมืองเหตุเกิดบริเวณลานน้ำพุ ทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าบีทีเอส กับห้างสรรพสินค้าพารากอนผลของการทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำของนายตำรวจใหญ่ 2 ชุด คือ ชุดของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง และ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิตพราหมณกุล ผบช.น. ต่างส่อแววว่าจะ “วืด” เพราะตั้งแต่ 2 ทุ่มของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มาจนถึงวันนี้ยังไม่มีวี่แววของมือระเบิดป่วนเมืองแต่ประการใด
ซ้ำสถานการณ์อื่นๆยังล่อแหลมอาจลุกลามบานปลายเป็นอุปสรรคต่อการคลี่คลายคดีได้ไม่ว่าจะเป็นศึกงัดข้อระหว่าง “เก่งใหญ่” กับ “เก่งเล็ก”“กรณีละเลยปล่อยบ่อนเกลื่อนเมือง และที่สำคัญคือสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังเข้มข้นทั้งกรณีของวัดพระธรรมกาย การออกมาแฉพฤติกรรม สนช. เรื่องนำบริวารว่านเครือแห่มารับเงินเดือน อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจที่กำลังทรุดหนักล้วนเป็นปัจจัยที่ไม่เอื้อต่อคะแนนนิยมรัฐบาล - คสช. แม้แต่น้อย
ปรากฏการณ์ความร้อนแรงทางการเมืองดังกล่าวแหล่งข่าวระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์โดยรวมตามที่รับทราบข้อมูลข่าวสารต่างๆ นี้เอง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. จึงออกคำสั่งทางวาจาไปยังทุกกองบัญชาการ ให้เฝ้าระวังเหตุร้ายต่างๆ อย่างใก้ลชิด ทั้งการชุมนุมทางการเมืองและการตรวจตราวัตถุต้องสงสัยตามจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ ก่อนหน้าเมื่อตอนบ่ายวันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา มีผู้พบกล่องต้องสงสัยบริเวณชั้นสองสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. ตำรวจ สน.พญาไท พร้อมหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) และเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน จึงเดินทางไปตรวจสอบพบกล่องกระดาษขนาดกว้าง 12 นิ้ว ยาว 6 นิ้ว หน้ากล่องมีรูปกล้องถ่ายรูปยี่ห้อนิคคอน รุ่นดี 7000 วางทิ้งไว้ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจวัตถุระเบิดในทุกขั้นตอนนานกว่า 1 ชั่วโมง จึงพบว่าเป็นเพียงกล่องเปล่าที่ข้างในมีอุปกรณ์สำหรับกล้องถ่ายรูปทิ้งไว้เช่นสายสะพาย แบตเตอรี่ กล่องที่ชาร์จและสมุดคู่มือเป็นต้น
พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.พญาไท เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดช่วงเวลา 13.45 น. พบชายต้องสงสัยสูงประมาณ 165 ซม. สวมหมวกดำ เสื้อแขนยาวสีฟ้ามีเสื้อกั๊กสีขาวทับอีกชั้น กางเกงขาสั้นสวมรองเท้าแตะสีดำเดินมายังที่เกิดเหตุพร้อมนำกล่องมาวางไว้ พฤติการณ์ดังกล่าวอาจเป็นไปได้ว่าชายดังกล่าวไปขโมยกล้องมาจากที่อื่นแล้วรีบร้อนต้องการ แต่กล้องเพียงอย่างเดียวจึงทิ้งกล่องและอุปกรณ์ไว้ ส่วนอีกประเด็นคือการก่อกวนซึ่งต่อมาวันที่ 23 ก.พ. พนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับชายนิรนามที่ปรากฏในวงจรปิดแล้ว
อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันโดยตำรวจ สน.โคกคราม รับแจ้งว่าพบรถยนต์ต้องสงสัยจอดติดเครื่องอยู่บริเวณลานจอดรถเกษตร - นวมินทร์ อเวนิว ถนนประเสริฐมนูญกิจ เขตลาดพร้าว กทม. จึงไปสอบสวนพบรถเก๋งคันหนึ่งที่มีผู้แจ้งหายประตูปิดล็อกปรากฏคราบความเย็นกับกระจกสอบสวน รปภ. ประจำจุดบอกว่าเห็นจอดไว้ตั้งแต่ตอนค่ำ ด้วยลักษณะเข้าข่ายคาร์บอมบ์ร้อยเวรฯ สน. เจ้าของคดีจึงประสานไปยังหน่วยเก็บกู้ระเบิดอีโอดี มาร่วมตรวจสอบด้วยสร้างความตื่นตกใจแก่ประชาชน และบรรดาผู้ประกอบธุรกิจในย่านนั้นแต่เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดประตูรถออกมา และทำการตรวจอย่างละเอียดไม่พบสิ่งผิดปกติคาดว่าเป็นการโจรกรรมธรรมดาแต่คนร้ายอาจเจอด่านตรวจจึงหลบมาจอดทิ้งไว้ก่อนหลบหนี
และล่าสุด เมื่อดึกวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา พบระเบิดเสียงแบบสตันต์ ใช้ในราชการทหาร - ตำรวจ วางอยู่ริมซุ้มร้านทองเจริญข้าวต้มโต้รุ่ง ย่านลาดปลาเค้า สน.บางเขน เจ้าหน้าที่ฝ่ายเก็บกู้ระเบิดจึงไปเก็บกู้ไว้ในที่ปลอดภัย
จากทั้ง 3 เหตุการณ์จึงสอดคล้องกับข้อมูลฝ่ายความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจ ว่า ยังคงมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอย่างต่อเนื่องซึ่งบรรยากาศโดยทั่วไปแม้จะดูนิ่งสงบแต่การข่าวกลับพบมีกลุ่มฮาร์ทคอร์เริ่มติดต่อกันอย่างลับๆ แต่เพื่อไม่ให้เอิกเกริกหรือตื่นตูมจนเกินไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จึงเลือกใช้วิธีออกคำสั่งด้วยวาจาให้ทุกหน่วยสอดส่องเตรียมพร้อมรับมือการก่อวินาศกรรมทุกรูปแบบ เน้นพนักงานสอบสวนทุกนายหากรับแจ้งมีเหตุวัตถุต้องสงสัยทั้งแบบตั้งวาง หรือคาร์บอมบ์ต้องรีบประสานกับอีโอดี ทันที
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคำสั่งให้ตำรวจพร้อมรับมือและตื่นตัวตลอดเวลาก็ตามแต่ผลงานการคลี่คลายคดีของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง และ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิตพราหมณกุล ผบช.น. กลับส่อเค้า “ล้มเหลว” ไม่สมราคาคุยเหมือนในตอนแรก เพราะหลังเกิดเหตุตำรวจทั้ง 2 ทีมทำงานในลักษณะต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างมีธง
โดยฝ่ายแรกมั่นใจสาเหตุมาจากการเมืองส่วนฝ่ายหลังไม่ให้น้ำหนักกับเรื่องใดๆ เพียงยืนยันว่าจะทำงานตามพยานหลักฐาน แต่จนบัดนี้มีเพียงเชิญตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำแล้วต้องปล่อยตัวไปกระทั่ง พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องออกโรงหาทางลงด้วยการโยนไปให้ต่างด้าวเป็นคนวางระเบิดเพราะไม่ตามภาพวงจรปิดไม่ปรากฏประวัติทางอาชญากรรมแม้แต่น้อย
แต่การหาทางลงให้กับทีมคลี่คลายคดีระเบิดกลับถูกเบรกจนหัวทิ่มจากคำติติงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เห็นว่าตำรวจไม่ควรโยงไปถึงต่างชาติเพราะความวุ่นวายที่เป็นอยู่ก็มากพอแล้วทำให้โฆษกหน้าย่นต้องรีบชักบันไดกลับ
มาถึงวันนี้คดีระเบิดไปป์บอมบ์ยังคงเงียบสนิทไม่มีความคืบหน้า
สำคัญไปกว่านั้นแม้ข่าววงในจะทราบดีว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์ “บิ๊กแป๊ะ” กับพล.ต.ท.ศรีวราห์ “บิ๊กปู”นายตำรวจต่างรุ่น นรต.35 - 36 ซึ่งปีนเกลียวกันแต่ไหนแต่ไรแล้วทำให้เกิดความหวาดระแวงกันทุกย่างก้าว
เมื่อระแวงกันแล้วผลสำเร็จของการทำงานคงไม่ต้องพูดถึง บทพิสูจน์ก็คือ 1 เดือนเต็มของการเข้าไปคลี่คลายคดีมาจนบัดนี้ทุกอย่างยังคงย่ำเท้าอยู่กับที่
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง ต้องรับหน้าเสื่อทั้งสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เรียกว่าบินไปบินกลับแทบไม่เหลือเวลาทำอะไรอีกต่อไปแล้วเพราะทั้งเสียงปืน เสียงระเบิดยังคงกึกก้องภาคใต้อย่างไม่เว้นแต่ละวัน
ความมั่นคงอื่นๆ อีกทั้งขบวนการหมิ่นเบื้องสูง กลุ่มต่อต้านรัฐบาลหาก “บิ๊กแป๊ะ” แยกร่างได้ก็คงทำไปแล้วเพราะงานมันล้นมือจริงๆ
ต่างจากเจ้าพ่อนครบาลอย่าง “บิ๊กปู”ล่าสุด พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิตพราหมณกุล ผบช.น. ที่สาละวนกับการปัดกวาดบ้านตัวเอง...ล่าสุดถึงกับใช้วาทะหรู “วิญญูชน”กับการแก้ปัญหาบ่อนพร้อมมีคำสั่งให้ตำรวจโดนพิษบ่อนที่โดนเด้งไปเพียง 2 วันกลับมาทำงานตามปกติ
ขัดอกขัดใจกับใครไม่ทราบได้แต่สำหรับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ ก็คงได้แต่อดกลั้น อดทน...ทนทุกอย่าง ทนทุกเรื่องแม้กระทั่งการทำงานไม่เข้าเป้า ไม่สนองนโยบายหรือจริงจังกับการปราบปรามอบายมุขของตำรวจบางหน่วย
วันนี้บรรยากาศรื่นเริงกับการกำชับอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เริ่มเหือดหายไป ผลงานต่างๆ ปรากฏให้เห็นว่าใครคือ “ของจริง”ใครคือ “ของปลอม”เพราะคดีระเบิดกลางกรุงท่ามกลางกฎอัยการศึกที่เป็นเครื่องมือรักษาความปลอดภัยสูงสุดยังเอาไว้ไม่อยู่ คนของรัฐที่มีเครื่องไม่เครื่องมือ มีงบประมาณ มีอำนาจอย่าล้นมือยังไปไม่เป็นดังที่เห็นกันอยู่