“ประชา พรหมนอก” หลบมรสุมการเมืองลงเรือยอชต์ส่วนตัวลำหรูเที่ยวเล่นคืนกำไรชีวิต ล่าสุดผันตัวเป็นนักธุรกิจระดับพันล้าน เปิดจิลเวลรีหรูใหญ่โต ทันสมัยบนเกาะภูเก็ต แถมยอมควัก 20 ล้านฉีดสเต็มเซล์ลยกครัวหวังคืนความหนุ่มสาว คาดเป็นตำรวจที่รวยที่สุดเป็นเบอร์ 2 รองจาก “ทักษิณ”
หลังการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนักการเมืองมากหน้าหลายตาหายไปจากเวที หนึ่งในจำนวนนั้นคือ “บิ๊กผิว” พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตอธิบดีกรมตำรวจคนสุดท้าย อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คนแรก อดีต รมว.แรงงานและสวัสดิการสังคม อดีต รม.ยุติธรรม อดีตรองนายกฯ และคนที่เกือบจะได้เป็นนายกฯ เขาหายหน้าไปไหน...
ว่าไปแล้ว พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก มิได้หายไปไหน ยังคงวันเวียนอยู่ในสังคมชั้นสูงเพียงแต่เดินออกมาจากสนามการเมืองชั่วคราว เพราะแน่นอนว่าหากยังป้วนเปี้ยนอยู่ย่อมไม่เป็นผลดีต่ออนาคตอันเรืองรองในฐานะนักธุรกิจพันล้านที่กำลังสยายปีกอยู่เกาะภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวติดอันดับโลก
ก่อนติดตามรายละเอียดต่างๆ ขอกลับไปยังบทบาท-ความเป็นมาของอดีตนายตำรวจใหญ่ และนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงกันสักเล็กน้อย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นเด็กบ้านนอก เติบโตในแดนอีสานบ้านเฮา มีบ้านเกิดอยู่ อ.พล จ.ขอนแก่น ระหว่างรับราชการตำรวจเป็นบุคคลสีกากีที่มีมนุษยสัมพันธ์สูง กอปรกับมีความสามารถอยู่พอตัวจนได้รับฉายาอินทรีอีสาน ผู้ซึ่งมีลีลาเยี่ยมยุทธ์ทุกกระบวนท่า เพื่อนนักเรียนนายร้อย รุ่น 18 รู้กันทั่วว่า “บิ๊กผิว” เป็นบุคคลที่มีแรงขับสูง ความทะเยอทะยานไม่ต้องพูด ถึงถ้ารักอะไรชอบอะไรก็จะเดินหน้าไต่ขึ้นไปจนถึงตำแหน่งสูงสุด
เมื่อตอนเป็นรองอธิบดีกรมตำรวจ เกิดศึกชิงเก้าอี้กับ พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ แบบชิงเล่ห์ชิงเหลี่ยมกันทุกรูปแบบ และอธิบดีพจน์พลาดท่าให้เพราะมีใจออกห่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มีคำสั่งตอนตี 3 ให้ย้ายด่วน พล.ต.อ.พจน์ ไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ และแต่งตั้ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ขึ้นแทน
เวลานั้น พล.ต.อ.ประชาเนื้อหอม โดนรุมตอมจากบุคคลหลากหลายสาขาอาชีพ รวมทั้งบรรดาพ่อค้านายทุนต่างเข้ามาร่วมแสดงความยินดี และอาศัยบารมีในฐานะผู้นำองค์กรตำรวจคนใหม่ซึ่งเขาได้สอดประสานแลกเปลี่ยนกันอย่างลงตัว
ในช่วงเวลานี้เองนอกจากทำงานหลักคือเป็น อ.ตร.แล้วยังเริ่มจับธุรกิจอื่นจนสามารถเปิดบริษัทต่างๆ ได้มากมาย เช่น หจก.พิทักษ์อีสาน จัดสรรที่ดินใน จ.นครราชสีมา, บริษัท นครปฐมยนตรกิจ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด, บริษัท การ์เด้น วิว เอสเตท จำกัด จัดสรรที่ดินสำนักงานตั้งอยู่ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี, บริษัท ธารวดี ดีเวลล็อปเม้นต์ จำกัด, บริษัท เอส.พี.สินประชา จำกัด, บริษัท เบลาจิโอ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด, บริษัท โฮลี่ แอแลนด์ เอ็นเตอร์ไพรส์เซส จำกัด ประกอบกิจการนายหน้า ทางการค้าทุกประเภท, บริษัท ออทัมแน็ล เอ็นเตอร์ไพร์สเซส จำกัด เป็นบริษัทนายหน้าเช่นกัน ต่อมามีบางบริษัทปิดตัวลงแต่อีกหลายบริษัทยังคงดำเนินการอยู่
เส้นทางชีวิต “บิ๊กผิว” จำต้องเปลี่ยนจากผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มาเป็นนักการเมืองอย่างเต็มตัวก็เพราะ เมื่อเขาถูกการเมือง “เล่น” ก็ต้องแก้เกมลงไปเล่นการเมืองเสียเลย
เมื่อการเมืองเปลี่ยนพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมามีอำนาจ พล.ต.อ.ประชา รู้ตัวดีว่าไปไม่รอดแน่ และด้วยความช่วยเหลือจากสมัครพรรคพวกรวมทั้งนักธุรกิจใหญ่ “บิ๊กผิว” ลาออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร. จากคนถูกไล่ต้อนมาเป็นคนกำหนดเกมเองโดยการเข้าไปซุกปีกนายสุวัจน์ ลิปตพัภลภ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาในขณะนั้นซึ่งยังเป็นรัฐบาลผสม มีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หนีจากการถูกปลดอย่างหวุดหวิดแต่กลับไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานฯ อย่างเต็มก้น ไม่เสียศักดิ์ศรี ยังคงรักษาฟอร์มอย่างเหนียวแน่น
ว่ากันว่าต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่อกู้ศักดิ์ศรีและเบิกทางสู่การเมืองมากกว่า 8 หลัก
การเข้ามาสู่ตำแหน่งเสนาบดีอย่างไม่คาดคิดถึงจะผ่านไปแล้วสมัยหนึ่งแต่คนอย่าง “บิ๊กผิว” ถ้าเดินแล้วไปไม่สุดก็ไม่ใช่เขา ต่อมาได้ย้ายพรรคเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน แทนนายสุวิทย์ คุณกิตติ ที่ประกาศลาออกและได้รับตำแหน่งให้เป็น รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หลังจากนายสมชาย เจอมรสุมการเมืองจากคดียุบพรรคพลังประชาชน ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่างลงจึงถึงคิว “บิ๊กผิว” ที่ได้รับแรงหนุนจากนายเสนาะ เทียนทอง และพรรคเพื่อไทย ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปแต่ผลการโหวต พล.ต.อ.ประชา แพ้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยคะแนน 198-235
และเป็นที่ฮือฮาเมื่อ พล.ต.อ.ประชา ยอมแหกธรรมเนียมด้วยการยกมือลงคะแนนสนับสนุนตัวเอง
เดือนเมษายน 2554 พล.ต.อ.ประชาลาออกจากพรรคเพื่อแผ่นดิน เข้ามาสวมเสื้อพรรคเพื่อไทย และเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันช่วงชิงตำแหน่ง ส.ส.ในจังหวัดอุดรธานี และอีกหลายพื้นที่ของอีสานใต้ เป็นการเข้ามาสู่ร่มเงาของ “ชินวัตร” อย่างเต็มตัวโดยการประสานของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. ได้รับการแต่งตั้งเป็น รมว.ยุติธรรม สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อมามีการปรับ ครม.เมื่อปี 2556 ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองนายกฯ
กระทั่งมีการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม กปปส.เดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน พล.ต.อ.ประชาได้รับมอบหมายหน้าที่ให้เป็น ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แต่ทำหน้าที่ได้ระยะหนึ่งก็เปลี่ยนมาเป็นนายสุรพงศ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล จนมีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 “บิ๊กผิว” ลงเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 8 แต่การเลือกตั้งครั้งนั้นถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้โมฆะ
7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากความเป็นรัฐมตรี เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องในการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขาธิการฝ่ายความมั่นคง สภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยขาดความชอบธรรม
หลังจากนั้นสภาพการเมืองยังคงวุ่นวายจนทหารเข้ามายึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ได้ออกคำสั่งให้พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ไปรายงานตัว มีข่าวว่าเขาถูกนำไปกักตัวยังค่ายทหารแห่งหนึ่งแถว จ.ราชบุรี และเมื่อปล่อยออกมาข่าวคราวของ “บิ๊กผิว” ก็ค่อยๆ เลือนหายไปจากทุกเวที...
กระทั่งต้นเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตนายตำรวจใหญ่-นักการเมืองดังควงคู่คุณหญิงวารุณี พรหมนอก ภรรยาคู่ชีวิตไปเป็นประธานพิธีเปิดบริษัท รอยัล เจมส์ ภูเก็ต ตั้งอยู่เลขที่ 70/90 หมู่ 4 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต...เรียกว่าเป็นงานใหญ่ระดับจังหวัดมีแขกเหรื่อในทุกแวดวงทั้งจา กทม.และจังหวัดข้างเคียงไปร่วมงานแกรนโอเพนนิ่งกันอย่างคับคั่ง
ว่ากันว่าบริษัท รอยัล เจมส์ ลงทุนนับ 1,000 ล้านบาทเปิดขายจิวเวลรีคุณภาพ และของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในภูเก็ต พล.ต.อ.ประชาซึ่งผันมาเป็นเจ้าสัว เป็นนักธุรกิจอย่างเต็มตัว ได้มอบหมายให้หลานเขยนักธุรกิจชาวจีนเป็นผู้ดูแลทุกอย่าง
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่นักธุรกิจขายจิวเวลรี และของที่ระลึก ทราบข่าวว่านายตำรวจใหญ่ผู้นี้จะมาลงทุนแข่งขันก็มีเสียซุบซิบทำนองว่าต้องจับตากันอย่างใก้ลชิดว่าจะมีการใช้อิทธิพลของตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องหรือเปล่า เพราะตัวท่านเองกับลูกเขย คือพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.คนปัจจุบันมีอำนาจหน้าที่สูงส่ง การค้าขายที่นี่แค่จัดตำรวจท่องเที่ยว หรือตำรวจท้องที่มากวนบ่อยๆเท่านั้นรับรองร้านที่โดนวิชามารนี้ต้องเจ๊งแน่ๆ
นอกจากบรรยากาศอันชื่นมื่น และคำติฉินของคู่แข่งทางการค้าแล้วยังมีข่าวซุบซิบตามประสาสังคมคนมีจะกินว่า ทุกวันนี้ “บิ๊กผิว” ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า มีเรือยอชต์ส่วนตัวลำมูลค่ากว่า 100 ล้านลอยลำอยู่ใกล้เกาะนาคา อ.ถลาง หากเหงาๆ วันไหนก็ชวนครอบครัวปาร์ตี้กันกลางทะเล นอกจากกิจการระดับพันล้านแล้วหากรวมทรัพย์สินอื่นๆ ทั้งเงินสด และที่ดินซึ่งพบว่ามีจำนวนหลายแปลงขนาดคุณหญิง ยังเคยลืมแจ้งต่อ ป.ป.ช.มาแล้วอาจจะขยับขึ้นหลักหมื่นล้าน ถือว่าเป็นอดีตนายตำรวจที่ร่ำรวยมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย
เป็นรองแค่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เท่านั้น
และด้วยการใช้ชีวิตตรากตรำในยามหนุ่ม เมื่อถึงวัยอันควร พล.ต.อ.ประชาเห็นว่าน่าจะให้รางวัลกับตัวเองและครอบครัวมีข่าวจากกลุ่มเพื่อนคนสนิทยืนยันว่า “บิ๊กผิว” ตัดสินใจถอนขนหน้าแข้งควักเงินในกงสีราว 20 ล้านบาทพาครอบครัวประกอบด้วยตัวเจ้าสัวเอง คุณหญิง บุตรชายบุตรสาวและลูกเขยบินลัดฟ้าไปเยอรมนี ให้แพทย์ฉีดสเต็มเซลล์ โดยเคสนี้มีการตกลงพิเศษเป็นแพกเกจครอบครัวคนมีอันจะกิน บริการกันตลอดชีวิต กะว่าจะมีสุขภาพที่ดี มีอายุยืนยาวใช้เงินที่อุตส่าห์หามาด้วยความยากลำบากให้เต็มที่เสียก่อน
แม้มีความสุขและร่ำรวยล้นฟ้าขนาดนี้ แต่อย่าคิดว่าจะไม่กลับไปเล่นการเมืองอีก เพราะความฝันของบิ๊กประชาจะเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไทยยังไปไม่ถึง
