นักศึกษาสาวเหยื่อกามปัดสมยอมหนุ่มอ้างเป็น ผกก. หนังแนวอีโรติก ยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ด้านตำรวจเตรียมนำผู้เสียหายตรวจหาร่องรอยข่มขืน พร้อมสอบกล้องวงจรปิดม่านรูด
วันนี้ ( 24 ม.ค.) ร.ต.ท.ปรีชา ศรีอุดม พนักงานสอบสวน กก. 1 บก.ป. เจ้าของคดี 2 นักศึกษาสาวที่แจ้งความดำเนินคดีกับ นายวิริยะ เดชผดุง อายุ 37 ปี ผู้ประสานงานโปรดักชันเฮาส์แห่งหนึ่ง ในข้อหาข่มขืนและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่าได้สอบปากคำ น.ส.เอ ผู้เสียหายแล้ว โดย น.ส.เอ ยังคงให้การยืนยันว่า ถูก นายวิริยะ ล่อลวงไปข่มขืนในโรงแรมจริง ไม่ใช่เป็นการสมยอมตามที่ฝ่ายชายออกมาระบุ
ร.ต.ท.ปรีชา กล่าวว่า นอกจากนี้ ก็ยังต้องรอสอบปากคำ น.ส.บี ผู้เสียหายอีกราย ซึ่งแจ้งว่าเดินทางไปต่างจังหวัด เมื่อสอบทั้งสองคนแล้วก็จะทำหนังสือส่งตัวทั้งสองคนไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ จะพบร่องรอยหรือไม่ก็ต้องส่งตัวไปตรวจโดยแพทย์ เพราะเป็นพยานหลักฐานทางคดี เพิ่งสอบปากคำได้ปากเดียว รอสอบอีกปากก่อนถึงจะทำหนังสือส่งตัวไปตรวจพร้อมกัน สำหรับชุดนักศึกษาของ น.ส.บี ที่ระบุว่าโดน นายวิริยะ ฉีกขาดก็ยังไม่ได้นำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ร.ต.ท.ปรีชา กล่าวต่อว่า เมื่อสอบปากคำทั้งสองคนที่กล่าวหาแล้ว จะพาไปชี้โรงแรมห้องที่เกิดเหตุ ตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดว่าตอนเข้าไปในโรงแรมม่านรูดแห่งนั้น เป็นไปตามคำบอกเล่าของฝ่ายใด และสอบปากคำพนักงานที่ให้บริการรูดม่านปิดห้อง ร่วมทั้งรับเงินค่าห้อง ดูว่ามีการสั่งเบียร์มาดื่มกันต่อ พร้อมสั่งถุงยางอนามัยมาใช้จริงหรือไม่ อย่างไร เพราะในเรื่องนี้มีข้อขัดแย้งตรงข้ามกันเลย ยังคงดูในข้อหา 2 ข้อหาอยู่ตามที่
“ทั้งนี้ น.ส.เอ ยืนยันว่า ไม่มีการถอนแจ้งความและไม่ยอมความ ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าภาพที่มีการนำเข้าไปเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตนั้น เข้าข่ายลามกอนาจารหรือไม่ ซึ่งจะต้องให้ผู้ชำนาญการตรวจพิสูจน์อีกครั้ง แต่ทั้งนี้ นายวิริยะ ก็ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนนำเข้าสู่คอมพ์ เป็นแค่ภาพที่แฟนเขาแคปฯ ภาพส่งมาให้ผู้เสียหายดูเพื่อยืนยันเท่านั้น ยังไม่รู้ว่าใครให้การจริงใครให้การเท็จ จะต้องพิสูจน์กันก่อน อย่างไรก็ตามคดีนี้ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. ได้กำชับว่าต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ผิดถูกให้ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง อย่าไปแกล้งหรือมีอคติกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด” ร.ต.ท.ปรีชา กล่าว
ด้าน นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในฐานะทนายความของผู้เสียหาย กล่าวว่า รู้สึกพอใจที่ผู้ถูกกล่าวหาออกมายอมรับว่าไปโรงแรมกับผู้เสียหายจริง มีการร่วมประเวณีกับผู้เสียหายจริง แต่อ้างว่าเป็นการสมยอม ไม่ได้ข่มขืน จะได้ไม่ต้องเหนื่อยไล่จับกุม และไปพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้กระทำ ส่วนการพิสูจน์เรื่องคลิปที่ถ่ายเอาไปเผยแพร่ในสังคมออนไลน์นั้น ทางตำรวจยึดเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าวไปตรวจสอบลองกู้ข้อมูลว่ายังมีคลิปอื่นที่ถ่ายผู้เสียหายขณะข่มขืนแล้วลบทิ้งไปแล้วหรือไม่ซึ่งผู้เสียหายก็ยืนยันกับตนว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดไม่ยอมความเด็ดขาด
