เครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ นำผู้เสียหายแจ้งจับโล้นที่ จ.อุทัยธานี ลวงเข้ากุฏิ บังคับอมนกเขา หลังเหยื่อหลงเข้าร่วมพิธีกรรมเสริมเสน่ห์ พร้อมนำหลักฐานเป็นภาพจากกล้องที่แอบถ่าย พฤติกรรมดังกล่าวไว้ดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (6 ม.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ ได้พา นายเอ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ชาว จ.ลพบุรี เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ดุสิต ลาวัลย์ พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับชายซึ่งแต่งกายคล้ายพระสงฆ์รูปหนึ่ง โดยสังกัดวัดในพื้นที่ จ.อุทัยธานี ในข้อหากระทำอนาจาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 และ มาตรา 59 วรรคสอง โดยทำหนังสือร้องทุกข์ พร้อมกับนำคลิปวิดีโอและภาพถ่ายของนายเอ ขณะอยู่กับพระสงฆ์รูปดังกล่าว มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดี
นายสงกานต์ กล่าวว่า เมื่อประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน 2557 นายเอ ผู้เสียหายได้เดินทางไปที่วัดที่ จ.อุทัยธานี หลังจากทราบว่าทางเจ้าสำนัก ได้รับประกอบพิธีกรรมเสริมดวงชะตาและเสริมเสน่ห์ให้บุคคลทั่วไป โดยเมื่อเข้ารับการประกอบพิธีกรรมดังกล่าว ก็พบชายซึ่งมีลักษณะเหมือนพระภิกษุสงฆ์ ได้ชักชวนให้เข้าไปในกุฏิ ก่อนจะให้ถอดเสื้อผ้าออก เหลือเพียงกางเกงชั้นใน และให้ทำตามคำสั่งโดยอ้างว่าเป็นการเสริมเสน่ห์ จากนั้นก็ถูกชายคนดังกล่าวใช้มือจับอวัยวะเพศ พร้อมกับใช้ปากอนาจาร ทั้งที่ไม่ได้ยินยอม
นายสงกานต์ กล่าวต่อว่า หลังจากผู้เสียหายพยายามจะกลับออกมาจากกุฏิ ก็ถูกชายคนดังกล่าวข่มขู่ว่าหากไม่ยินยอมและออกไปด้านนอกจะไม่รับรองความปลอดภัย โดยอ้างว่าด้านนอกมีชายฉกรรจ์หลายคน พร้อมจะทำร้ายและกักตัวไว้ ทำให้ผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่อาจขัดขืนได้ เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย ภายหลังเกิดเหตุแล้วยังถูกบังคับให้กระทำการเช่นเดิมอีก ผู้เสียหายจึงตัดสินใจนำกล้องแอบถ่าย บันทึกพฤติกรรมของชายลักษณะคล้ายพระภิกษุรายดังกล่าวไว้
นายสงกานต์ กล่าวอีกว่า คดีนี้เท่าที่ทราบนั้น ทางชายคนดังกล่าวมีความสนิทสนมกับนักการเมืองท้องถิ่นและกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ภายหลังมีการร้องเรียนกรณีที่เกิดขึ้น ก็มีการข่มขู่ว่าจะทำอันตรายกับผู้เสียหายและพยาน โดยประกาศต่อหน้าสาธารณชนด้วย ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดเหตุเข้าข่ายการกระทำความผิดอย่างชัดเจน ซึ่งขณะนี้ตนได้เข้ามาช่วยเหลือทางคดี โดยประสานให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า มีพยานหลักฐานมากเพียงพอจะดำเนินคดีกับชายคนดังกล่าวได้อย่างแน่นอน และพร้อมจะให้ข้อมูลหลักฐานต่างๆ ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อสะดวกต่อการพิจารณาคดีเนื่องจากกรณีนี้มีผลกระทบต่อพระพุทธศาสนา รวมทั้งมีผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง
ด้าน ร.ต.อ.ดุสิต กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องไว้ โดยจะมีการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป