รทท.ผบก.ป.เผยคดี 2 นศ.แจ้งความถูกผู้ประสานงานโปรดักชันเฮาส์ข่มขืน ไม่ต้องรีบ รอพิสูจน์ให้ได้ใครพูดจริง-เท็จ หลังให้การไปคนละทาง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (26 ม.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี 2 นักศึกษาสาวแจ้งความดำเนินต่อนายวิริยะ เดชผดุง อายุ 37 ปี ผู้ประสานงานโปรดักชันเฮาส์แห่งหนึ่ง ข้อหาข่มขืนและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ว่าได้ให้พนักงานสอบสวนไปตรวจสอบทั้งสองฝ่ายซึ่งให้การตรงกันข้าม ฝ่ายหญิงอ้างว่าเป็นการหลอกลวงไปข่มขืน แต่ฝ่ายชายอ้างว่าเป็นการสมยอมไปมีเพศสัมพันธ์
ดังนั้น ต้องให้ความเป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย พิสูจน์ให้เห็นว่าใครพูดจริง ใครพูดเท็จ จากนั้นมายืนยันกันอีกที คดีนี้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน แต่ต้องทำความจริงให้ปรากฏแก่สังคมให้ได้ ส่วนสถานที่เกิดเหตุยังไม่ได้ไปตรวจ เพราะจะต้องสอบปากคำผู้เสียหายให้ครบทั้ง 2 คนก่อน และการที่นาวิริยะผู้ถูกกล่าวหารีบมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นสิ่งที่ดี ทำให้ตำรวจทำงานได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
ด้าน ร.ต.ท.ปรีชา ศรีอุดม พนักงานสอบสวน กก. 1 บก.ป.เจ้าของคดี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรอสอบปากคำ น.ส.บี ผู้เสียหายอีกหนึ่งรายที่แจ้งไว้ตั้งแต่วันมาแจ้งความว่า จะไปต่างจังหวัด ยังไม่ติดต่อมาเลยว่าจะให้สอบปากคำได้เมื่อไหร่ แจ้งไว้ว่าภายในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้เราได้สอบปากคำภรรยาของ นายวิริยะ ผู้ถูกกล่าวหาไว้แล้ว ซึ่ง นอกเหนือจากการนำเอาโทรศัพท์มือถือที่อ้างว่าถ่ายคลิปผู้เสียหายไว้ 14 วินาที ก่อนแบตเตอรี่หมดมาให้ดู ยืนยันว่าถ่ายแค่คลิปเดียว
ส่วนที่มีข้อมูลจากภาพที่ภรรยานายวิริยะแค็ปเจอร์ภาพ น.ส.เอ ผู้เสียหายส่งมาให้ผู้เสียหายดู ระบุความยาว 2 นาที 4 วินาทีนั้น ตรงจุดนี้ตนมองว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ยอมบอก ข้อมูลทั้งหมด
ร.ต.ท.ปรีชา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้พนักงานสอบสวนจะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงให้มากที่สุด ขนาดข้อมูลโรงแรมม่านรูดที่เกิดเหตุก็ปิดบังกันเลย
ส่วน น.ส.บี ผู้เสียหายอีกรายที่ยังรอมาให้สอบปากคำหากไม่มาก็ไม่มีปัญหา เพราะ น.ส.เอ ให้การไว้หมดแล้ว แต่ถ้ามาก็จะสอบและทำคดีไปพร้อมกัน เพราะการให้ปากคำจะสอดรับกัน จะน่าเชื่อถือกว่า อย่างไรก็ตาม
จนถึงวันนี้ยังไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งความเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ร.ต.ท.ปรีชา กล่าวอีกว่า สำหรับการสอบปากคำ ภรรยานายวิริยะ เมื่อวันก่อนได้ให้การระบุว่าคุยกับ น.ส.เอ ทางแช็ต โดย น.ส.เอ ทวงถามเรื่องค่าตัวถ่ายแบบที่นายวิริยะสัญญาว่าจะให้ซึ่งไม่ใช่ทวงถามค่าหลับนอนกับนายวิริยะ สำหรับโทรศัพท์เครื่องที่นายวิริยะ นำมาให้ดูว่าถ่ายคลิปผู้เสียหายแสดงท่าทางลูบไล้ตัวเองนั้น เราไม่ได้ยึดเอาไว้เพราะยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาซึ่งยังไม่เป็นของกลาง
ส่วนคดีนี้จะเป็นการข่มขืนหรือสมยอม จะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงกัน
