จับไอ้หื่นอ้างตัวทหารขอตรวจค้นห้อง ก่อนข่มขืน นศ.สาว กลางหอพัก

ชุดสืบสวนภาษีเจริญ จับกุมผู้ต้องหาคดีข่มขืนกระทำชำเรา นศ. สาว ปี 2 อ้างตัวเป็นทหารขอเข้าตรวจค้นห้องพัก ก่อนใช้กำลังทำร้ายร่างกายและข่มขืน สารภาพก่อนก่อเหตุได้ดื่มเบียร์เมา จนเกิดอารมณ์ และเดินตามเหยื่อขึ้นไป เพื่อรอลงมือข่มขืน พบประวัติเคยต้องโทษคดียาเสพติด

วันนี้ (3 ธ.ค.) ที่ สน.ภาษีเจริญ พ.ต.อ.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.วรวัชร์ ธรรมสโรช ผกก.สน.ภาษีเจริญ พ.ต.ท.คงศักดิ์ ปานน้อย รอง ผกก.สส.สน.ภาษีเจริญ และ พ.ต.ต.ศิริชาติ จันทร์พรมมา สว.สส.สน.ภาษีเจริญ แถลงข่าวจับกุม นายชิษณุพงศ์ สอ้อนกลาง หรือ ยูร หรือ แบงค์ อายุ 32 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ จ.836/2557 ลงวันที่ 28 พ.ย. 57 ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธมีด หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธและบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือไอโฟน 4 เอส จำนวน 1 เครื่อง มีดคัตเตอร์ 1 เล่ม กุญแจห้องพัก 1 ชุด และกุญแจมือ 1 คู่ โดยสามารถจับกุมได้ขณะหลบหนีไปกบดานรับจ้างเป็นคนงานตัดอ้อยที่ จ.บุรีรัมย์

พ.ต.อ.พงศ์อานันต์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก นายชิษณุพงศ์ ผู้ต้องหารายนี้ได้ก่อเหตุข่มขืนเหยื่อ ชื่อ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 20 ปี นักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านบางหว้า เหตุเกิดภายในห้องพักของผู้เสียหาย บนแมนชั่นแห่งหนึ่งในซอยเพชรเกษม 28 เกิดเหตุเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหาทำทีเป็นผู้พักอาศัยในแมนชั่น แล้วเดินตามเหยื่อขึ้นไปบนห้อง ก่อนรอเวลาเคาะประตูเรียกอ้างตัวเป็นทหารขอเข้าค้น บุกเข้าไปใช้มืออุดปาก ใส่กุญแจมือไพล่หลังเหยื่อ ก่อนจะใช้คัตเตอร์กรีดเสื้อผ้าออกแล้วข่มขืนกระทำชำเรา และขณะก่อเหตุยังใช้มือถือไอโฟนของผู้เสียหายบันทึกภาพเอาไว้ ก่อนจะลักทรัพย์มือถือติดตัวไปขณะหลบหนี โดยอ้างว่าจะนำกลับมาคืนให้ แต่ห้ามแจ้งความไม่อย่างนั้นจะนำคลิปวิดีโอระหว่างข่มขืนไปโพสต์ประจานบนสื่อโซเชียล ซึ่งหลังทราบรายงาน ทาง พล.ต.ต.ชัชวาลย์ วชิรปาณีกูล ผบก.น.9 ได้เร่งสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินการให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรร จ์สะเทือนขวัญผู้เช่าหอพัก ที่สำคัญ คนร้ายลงมืออย่างไม่เกรงกลัวผู้คน มีการแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ และมีพฤติกรรมทารุณกักขังหน่วงเหนี่ยวเหยื่อ กระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายชิษณุพงศ์ อดีตเคยทำงาน รปภ. ย่านหนองแขม กระทั่งติดตามไปจับกุมตัว นายชิษณุพงศ์ ได้ที่ จ.บุรีรัมย์ ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดีที่ สน.ภาษีเจริญ

จากการสอบสวน นายชิษณุพงศ์ ให้การยอมรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุไปนั่งดื่มเบียร์ที่หน้าแมนชั่นดังกล่าว จำนวน 2 กระป๋อง เพื่อรอขอเงินอดีตภรรยาที่เลิกรากันมานานแล้ว แต่พอตนโทรศัพท์ไปหาอดีตภรรยา จึงทราบว่าเจ้าตัวย้ายออกไปอยู่กับสามีใหม่ที่อื่น จึงเกิดความโมโห ประกอบมึนเมาแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ เป็นจังหวะที่ผู้เสียหายเดินมาสั่งข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งใต้ถุนแมนชั่น แล้วแจ้งเลขที่ห้องให้แม่ค้าทราบ ทำให้ตนจดจำแล้วเดินตามหลังผู้เสียหายไปถึงห้องพัก เมื่อผู้เสียหายเข้าห้องไป ตนจึงยืนรอสักพักแล้วเดินไปเคาะห้องตะโกนบอกว่ามาส่งข้าว พอเหยื่อเปิดประตูออกมารับ ก็ใช้กำลังผลักเข้าไปในห้องเอามืออุดปาก อ้างตัวว่าเป็นทหารขอตรวจค้น แล้วนำกุญแจมือที่ติดตัวมาด้วยมัดผู้เสียหายไพล่หลังเอาไว้เพื่อป้องกันการต่อสู้ เมื่อเหยื่อหวาดกลัวยอมจำนนไม่ร้องขอความช่วยเหลือ ตนจึงหยิบมีดคัตเตอร์ออกมากรีดเสื้อผ้าออก ช่วงนั้นเป็นจังหวะที่แม่ค้าเดินขึ้นมาส่งข้าวพอดี ตนจึงยึดโทรศัพท์มือถือเอาไว้และสั่งให้ผู้เสียหายเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ กำชับว่าให้อยู่นิ่งๆ ไม่อย่างนั้นจะฆ่าให้ตาย พอหยิบเงินผู้เสียหายจ่ายค่าข้าวเป็นที่เรียบร้อย ตนจึงเรียกเหยื่อออกมาเพื่อข่มขืน ซึ่งระหว่างนั้นตนก็เอาไอโฟนของเหยื่อบันทึกภาพวิดีโอเอาไว้ด้วย โดยข่มขู่ไปว่าจะนำภาพไปโพสต์ประจานหากนำเรื่องไปแจ้งตำรวจ ซึ่งผู้เสียหายก็ยอมรับข้อตกลง

นายชิษณุพงศ์ ให้การต่อว่า หลังจากข่มขืนเหยื่อแล้ว ปรากฏว่า ลูกกุญแจที่ใช้ไขกุญแจมือหายไป จนตนหาทางออกได้ด้วยการนำเสื้อคลุมมาคลุมตัวเหยื่อไว้ และพาตัวลงมาเรียกแท็กซี่ฝั่งตรงข้ามแมนชั่น เพื่อเดินทางไป สน.ภาษีเจริญ ให้ตำรวจช่วยไขให้ แล้วจะอ้างกับตำรวจว่าเป็นผัวเมียเล่นหยอกล้อกันเฉยๆ แต่ระหว่างที่รอรถแท็กซี่ เหยื่อกลับวิ่งข้ามถนนย้อนกลับไปบนห้องพักอย่างรวดเร็ว ทำให้ตนตกใจตัดสินใจวิ่งหนีพร้อมไอโฟนของผู้เสียหาย ก่อนโบกแท็กซี่ไปเอาเงินกับญาติที่ จ.สมุทรปราการ แล้วขึ้นรถกลับไปที่บ้านเกิด จ.บุรีรัมย์ จนกระทั่งถูกตำรวจตามจับกุมตัวได้

พ.ต.ต.ศิริชาติ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาอ้างว่าเคยก่อเหตุมาครั้งเดียว และมีประวัติถูกจับเสพยาบ้าในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ มาครั้งหนึ่ง แต่เท่าที่ดูแผนประทุษกรรมของ นายชิษณุพงศ์ รายนี้ ถือว่าเป็นบุคคลอันตรายต่อสังคมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเหยื่อที่เป็นสุภาพสตรี พักตามแมนชั่น หรืออพาร์ตเมนต์ เพียงลำพัง เนื่องจากมีการวางแผนอย่างแยบยลก่อนลงมือก่อเหตุมีการใช้เครื่องพันธนาการและอาวุธข่มขู่เหยื่อ แถมยังลักทรัพย์เหยื่อติดมือไปด้วย เชื่อว่าอาจมีผู้เสียหายที่เคยถูกก่อเหตุแล้วไม่กล้าเข้าแจ้งความ เนื่องจากอับอายสังคม อย่างไรก็ตาม หากมีเหยื่อรายใดอยากแจ้งความอายัดข้อหาเพิ่มเติมขอให้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนได้ที่ สน.ภาษีเจริญ