ผู้บริหารแบงก์ไทยพาณิชย์แถลงข่าวชี้ข้อสงสัยของ สจล.ทุกประเด็น ยืนยันธนาคารให้ความร่วมมือกับตำรวจ-สจล. เป็นอย่างดีในการสืบสวนสอบสวนคดีแก๊งลักเงิน
วันนี้(23ธ.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ผู้ช่วยผู้จัดการอาวุโส สายบริหารการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินและความปลอดภัย ธนาคารไทยพาณิชย์ แถลงข่าวชี้แจ้งเกี่ยวกับกรณีบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่ตกเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ว่าโดยทางธนาคารขอยืนยันว่าการให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางธนาคารได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยตั้งแต่เริ่มแรกก็ได้มีการประสานความร่วมมือกันมาโดยตลอด ทั้งการร่วมพูดคุยไม่ว่าจะเป็นทางตำรวจ หรือทางธนาคารอื่นๆก็เข้ามาให้ความร่วมมือด้วย รวมไปถึงมีการตั้งคณะทำงานเข้ามาทำการตรวจสอบกรณีดังกล่าวด้วย อีกทั้งไม่ได้มีการประวิงเวลา ในส่วนของเอกสารต่างๆที่ทางเจ้าหน้าที่ยื่นขอตรวจสอบทางธนาคารก็มีการเร่งรัดจัดนำส่งให้ โดยขณะนี้ทางเราได้ส่งไปบางส่วนแล้ว สำหรับเอกสารส่วนใดที่ทางตำรวจคิดว่าสำคัญก็สามารถประสานมาทางเราจะเร่งรัดส่งให้ทันที อย่างไรก็ตามตามที่ทางตำรวจได้แถลงผ่านสื่อมวลชนว่าอยากได้เอกสารบางส่วนก่อนหน้านี้ แต่ทางธนาคารยังไม่ได้นำส่งให้ ทางเราขอยืนยันว่ายังไม่ได้รับเอกสารการขอตรวจสอบเอกสารดังกล่าวแต่อย่างใด
นายพงษ์สิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในกรณีที่สถาบัน สจล. ได้มีการนำเสนอข้อมูลและได้ตั้งข้อสังเกตุถึงการดำเนินงานของธนาคาร ตามที่เป็นข่าวไปนั้น ทางธนาคารเรามีนโยบายการดูแลลูกค้ารายสำคัญทุกรายเป็นอย่างดีอยู่แล้ว การกระทำเรื่องการเบิกถอนที่มีเงินจำนวนมากต้องได้รับการยืนยันยอดเงินจำนวนที่มากจากทางผู้บริหารของทางสถาบัน สจล. ทุกครั้งอยู่แล้ว และในกรณีการตั้งข้อสังเกตุการเบิกถอนบัญชีเงินฝากประจำลูกค้าสามารถถอนหรือปิดบัญชีก่อนกำหนดได้ตามความประสงค์ของลูกค้า ธนาคารมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ทางด้านอัตราดอกเบี้ย และการทำธุรกรรมให้ถูกต้อง ถือเป็นการทำธุรกรรมปกติซึ่งเกิดขึ้นได้
ส่วนกรณีการเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจลงนามสำหรับบัญชีเงินฝากนั้นธนาคารจะดำเนินการให้ตามหนังสือแจ้งความจำนงของลูกค้าทุกประการ เช่นเดียวกับในกรณีของ สจล. ธนาคารก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการลงนามตามความประสงค์ที่ได้แจ้งมาก่อนหน้านี้ สำหรับกรณีดังกล่าวได้รับการยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งการตรวจสอบว่ามีบุคคลใดทำการทุรจริตนั้นต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง
"ส่วนที่ทาง สจล. ตั้งข้อสงสัยมาว่าได้ขอเอกสารมาแล้วยังไม่ได้รับนั้น ล่าสุดทางธนาคารได้มีการส่งเอกสารขนาด เอ4 ไป 2 กล่องใหญ่แล้ว สำหรับเอกสารบางอย่าง อาทิ สลิปเบิกถอนเงินตัวจริง ไม่สามารถจัดส่งได้ เนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญที่ต้องเป็นหลักฐานในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากต้องการตรวจสอบต้องขอเอกสารไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง นอกจากนี้ที่ได้ร้องขอเอกสารบางอย่างมานั้น อาทิเช่น แคชเชียร์เช็ค นั้นทางธนาคารไม่สามารถจัดหามาได้ เนื่องจากเอกสารส่วนนี้อยู่กับธนาคารผู้ออกเอกสารดังกล่าว หากต้องการได้เอกสารตัวนี้ต้องทำเรื่องมาให้ทางเราจะประสานต่อไปยังธนาคารผู้ออกเอกสารต่อไป รวมไปทั้งการขอเอกสารที่มีการส่งมอบให้ล่าช้านั้น ที่ทาง สจล.ได้ทำธุรกรรมทั้งหมดกว่า 240 บัญชี นั้นทางเราต้องขอเวลาในการดำเนินงานตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อความรอบคอบอีกด้วย ส่วนกรณีที่ทางสถาบัน สจล. ได้ตั้งข้อสงสัยว่ามีการกระทำธุรกรรมที่ผิดปกติ ทำไมไม่ส่งเรื่องไปยัง ปปง. ทางเรายืนยันว่าได้ส่งเรื่องไปแล้วทั้งหมด ซึ่งในการส่งเรื่องไปที่ปปง.นั่นเป็นเรื่องปกติที่ทางธนาคารต้องส่งข้อมูลการทำธุรกรรมต่างๆไปเป็นประจำ" นายพงษ์สิทธิ์ กล่าว
นายพงษ์สิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีนายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตพนักงานของธนาคารที่ได้ลาออกไปแล้วนั้น ธนาคารขอชี้แจงว่าเมื่อพบว่ามีการปฏิบัติงานที่ไม่ถูกต้อง เพียงครั้งเดียว ธนาคารจึงให้ผู้บังคับบัญชาของนายทรงกลดไปเข้าพบผู้บริหาร สจล. ในขณะนั้น และได้รับคำยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร จากผู้บริหารสจล. ธนาคารจึงเชื่อถือว่าธุรกรรมดังกล่าวถูกต้อง ทำให้ทางธนาคารไม่สามารถลงโทษพนักงานในตอนนั้นได้
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่านอกเหนือจากการกระทำความผิดของนายทรงกลดแล้ว ยังมีการตรวจสอบพบว่ามีรายอื่นไดักระทำอีกหรือไม่ นายพงษ์สิทธิ์ ตอบว่า ขณะนี้พบว่ามีการกระทำความผิดเพียงครั้งเดียวแลัวเป็นบุคคลคนเดียวเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อธนาคารหรือไม่ นายพงษ์สิทธิ์ ตอบว่า ทางเราเชื่อว่าลูกค้ามีวิจารณญาณมากพอในความเชื่อมั่นของการทำงานธนาคาร อย่างไรก็ตามทางธนาคารตระหนักถึงความรับผิดชอบของสถาบันการเงินที่มีต่อลูกค้าทุกท่าน ตลอดจนยึดมั่นการให้บริการด้วยความซื่อสัตย์และระมัดระวังเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ นอกจากนี้ทางเราขอประชาสัมพันธ์ไปยังห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล หรือสถาบันต่างๆ สามารถมาขอตรวจสอบยืนยันยอดเงินในบัญชา การทำธุรกรรมต่างๆ ทั้งที่ตรวจสอบความผิดปกติหรือไม่ก็ตามสามารถเข้ามาตรวจสอบความโปร่งใสได้ทันที