xs
xsm
sm
md
lg

อัยการนัดสั่งคดี “พระสุเทพ และพวก” ในคดีกบฏ 5 มี.ค.

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


“พระสุเทพ” และแกนนำ รวม 28 คนที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันเป็นกบฏเข้ารายงานตัว ยันเคารพในกระบวนการยุติธรรมและพร้อมต่อสู้คดี โดยอัยการได้นัดฟังการสั่งคดีอีกครั้งในวันที่ 5 มี.ค



ที่ห้องประชุม 100 ปี สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (21 ม.ค.)พระสุเทพ ปภากโร อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวกแกนนำรวม 28 คน ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันเป็นกบฏและกระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดที่มิใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่ยอมเลิก ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน ปิดงานงดจ้าง เพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และบุกรุกสถานที่ราชการ รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้งและข้อหาร่วมกันสนับสนุน พระสุเทพ อดีตเลขาธิการ กปปส.กระทำการอันเป็นกบฏและกระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดที่มิใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองเดินทางมารายงานตัวกับ นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2557 คณะทำงานอัยการพิจารณาสำนวนคดีที่ดีเอสไอสรุปมาแล้วมีความเห็นสั่งฟ้อง พระสุเทพ กับพวกซึ่งเป็นแกนนำ กปปส.นักวิชาการ ผู้ต้องหารวม 48 คน

อย่างไรก็ตามก่อนเข้าพบนายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ แกนนำกปปส.ทั้งหมดได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยนายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ อดีตโฆษกกปปปส. กล่าวว่า แกนนำกปปส.ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีเป็นกบฏและก่อการร้าย ส่วนหนึ่งจากทั้งหมด 57 คนได้มารายงานตัวกับพนักงานอัยการ ซึ่งแกนนำกปปส.ทุกคนเคารพกระบวนการยุติธรรมและพร้อมจะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด โดยไม่หลบหนีไปไหน ที่ผ่านมาขอยืนยนัความบริสุทธิ์ว่าแกนนำกปปส.ได้ร่วมต่อสู้กับมวลมหาประชาชนด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยส่วนรวม และได้ออกมาต่อสู้กันเพื่อต่อต้านการออกกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งมีผลเป็นการลบล้างความผิดให้กับนักการเมืองที่กระทำการทุจริต รวมไปถึงการเปิดโปงกระบวนการความเลวร้ายของระบอบที่หวังจะครอบงำระบบการเมืองของประเทศไทย ด้วยวิธีการนอกเหนือบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาเราชุมนุมอย่างสงบ สันติ อหิงสา ตามที่มีการวินิจฉัยรับรองโดยศาลรัฐธรรมนูญและศาลแพ่ง ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยแล้วว่าการชุมนุมของมวลมหาประชาชน เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพอย่างสงบและเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ศาลแพ่งก็ได้มีคำสั่งไม่ให้รัฐบาลใช้มาตรการตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในการสลายการชุมนุมของประชาชนเพราะเป็นการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ ในทางกลับกันความสูญเสียที่เกิดขึ้น เกิดจากการกระทำของฝ่ายตรงข้ามที่หวังขัดขวางการชุมนุม มีกลุ่มผู้ก่อร้ายไม่หวังดีใช้อาวุธสงครามทำร้ายประชาชนหลายครั้ง แต่เราก็ยืนหยัดต่อสู้โดยใช้หลัก สงบ สันติ อหิงสา ในวันนี้เราขอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการตั้งข้อกล่าวหากับแกนนำกปปส.และประชาชน มีพฤติการณ์พิเศษเป็นการตั้งข้อกล่าวหาที่รุนแรง โดยปราศจากมูลเหตุ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญและศาลแพ่งได้วินิจฉัยแล้วว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ กระบวนการนี้เริ่มขึ้นโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในขณะที่มีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะฉะนั้นทางแกนนำกปปส.ทุกคนจึงมาขอยืนยันความบริสุทธิ์ ถึงแม้จะมีความพยายามจะตั้งข้อกล่าวหาอย่างมีอคติ จากบุคคลที่เสียผลประโยชน์จากการชุมนุมของมวลมหาประชาชน

ภายหลังนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความกปปส. กล่าวว่า วันนี้ทางแกนนำกปปส.จำนวน 28 คนมาพบพนักงานอัยการพร้อมยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ซึ่งก่อนหน้าเคยยื่นไปแล้ว 3 ฉบับแต่ทางอัยการกำลังพิจารณายังไม่ได้มีความเห็น ขณะเดียวกันก็ยังเหลือผู้ต้องหาที่เป็นกลุ่มพันธมิตรฯที่เป็นผู้ต้องหาในคดีอื่นและยังอยู่ในขั้นตอนของพนักงานสอบสวนดีเอสไออีกประมาณ 10 คนซึ่งคงจะมีการดำเนินการไปพร้อมๆ กัน และก็มีจำเลยในสำนวนคดีนี้ที่ยื่นฟ้องต่อศาลไปแล้ว 4-5 คน โดยอัยการนัดฟังการสั่งคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 5 มี.ค.2558 เวลา10.00 น.

ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจรรยงค์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ขั้นตอนในวันนี้ ทางพนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอพาผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำกปปส.ทั้ง 28 คนมารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ ภายหลังจากที่ทางดีเอสไอได้ส่งสำนวนมาให้ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ได้นัดให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดมาฟังคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 5 มี.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ส่วนที่ผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไว้นั้น ทางสำนักงานอัยการสูงสุดก็จะรับไว้พิจารณาและตรวจดูเอกสารที่ได้ยื่นเข้ามา เนื่องจากในหนังสือขอความเป็นธรรมมีหลายประเด็น เช่น ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มกปปส.เป็นไปด้วยความสงบชอบด้วยกฎหมาย และบางคนอยู่ในพื้นที่ชุมนุมแต่ไม่ได้ร่วมในการชุมนุมด้วย โดยยืนยันว่าทางอัยการจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนน.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ที่ไม่ได้มารายงานตัวในวันนี้ เนื่องจากติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งได้ทำหนังสือแจ้งมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยหลังจากนี้อัยการจะนัดให้น.ส.จิตภัสร์มารายงานตัวอีกครั้ง ส่วนสำนวนคดีบางส่วนที่ยื่นฟ้องต่อศาลไปแล้วนั้นก็ให้ดำเนินต่อไป ส่วนผู้ต้องหาอื่นๆ หากสุดท้ายอัยการมีคำสั่งฟ้องก็สามารถยื่นขอรวมสำนวนคดีในภายหลังได้

ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือที่ทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอยังไม่ได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการนั้น ทางดีเอสไอได้แจ้งว่าบางสำนวนมีการแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจ และยังไม่ได้ส่งสำนวนเข้ามาที่ดีเอสไอ ทำให้การทำสำนวนล่าช้า ดังนั้น จึงต้องรอให้สถานีตำรวจที่รับผิดชอบคดีส่งเรื่องเข้ามาที่ดีเอสไอก่อน จึงจะดำเนินการขั้นต่อไปได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังเข้าพบพนักงานอัยการแล้วโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ทางแกนนำกปปส.ทั้งหมดจึงเดินทางกลับ











กำลังโหลดความคิดเห็น