xs
xsm
sm
md
lg

เลื่อนตรวจหลักฐานคดี “สนธิญาณ” เป็นกบฏไป 13 ก.พ.ปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 52 ปี (แฟ้มภาพ)
ศาลเลื่อนตรวจหลักฐานคดีฟ้อง “สนธิญาณ-สกลธี-สมบัติ-ดร.เสรี” แกนนำ กปปส.ร่วมเป็นกบฏไป 13 ก.พ.ปีหน้า เหตุอัยการรอส่งตัวผู้ต้องหาที่เหลือจากพนักงานสอบสวน

ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (3 ธ.ค.) ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำ อ.1191/2557, อ.1298/2557, อ.1328/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 52 ปี และนายสกลธี ภัททิยกุล อายุ 37 ปี แกนนำ กปปส. นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อายุ 63 ปี อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นายเสรี วงษ์มณฑา อายุ 65 ปี แกนนำ กปปส. เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ, เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการกระทำนั้นแต่ไม่เลิก, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้างเพื่อบังคับรัฐบาล, ร่วมกันบุกรุก, ร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง, ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 209, 210, 215, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยเลือกตั้งฯ จากกรณีที่จำเลยได้ร่วมชุมนุมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ต่อต้านรัฐบาล พาผู้ชุมนุม บุกรุกและปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้งเพื่อกดดันให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่

โดยวันนี้จำเลยที่ 1 -4 มาศาล ซึ่งศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้นายเสรี แล้วสอบคำให้การ โดยนายเสรีได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมทั้งยื่นคำให้การเป็นเอกสาร ส่วนจำเลยอื่นได้ยื่นคำให้การปฏิเสธไปก่อนหน้านี้แล้ว

ขณะอัยการโจทก์ได้แถลงต่อศาลขอเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานออกไปอีก 1 นัด เนื่องจากคดีเป็นคดีสำคัญ ซึ่งผู้ร่วมกระทำผิดในคดีนี้มีพยานเป็นเดียวกัน ซึ่งอัยการสูงสุดมีความเห็นให้สั่งฟ้อง ผู้ต้องหาในคดีนี้ 51 คน โดยขณะนี้รอส่งตัวผู้ต้องหาที่เหลืออีกในวันที่ 21 ม.ค. 2558

ด้านทนายจำเลยได้แถลงคัดค้านการขอเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานในวันนี้ เนื่องจากพวกจำเลยได้เดินทางมาศาลหลายครั้งแล้ว แต่คดีไม่มีความคืบหน้าอีกทั้งจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง และที่รอฟ้องผู้ต้องหารายอื่นก็เป็นความผิดคนละส่วนกัน หากให้เลื่อนคดีอาจจะทำให้เกิดความล่าช้ายิ่งขึ้น

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้กับคดีที่อัยการรอตัวผู้ต้องหาอีก 51 คน มีมูลความผิดเดียวกันรวมทั้งมีพยานหลักฐานชุดเดียวกัน หากแยกการพิจารณาจะยิ่งทำให้เกิดความล่าช้ากว่า ประกอบกับจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวย่อมมีโอกาสได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ จึงอนุญาตให้เลื่อนนัดตรวจหลักฐานออกไปเป็นวันที่ 13 ก.พ. 2558 เวลา 09.00 น. แต่เนื่องจากคดีมีเอกสารหลักฐานจำนวนมาก เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าจึงกำชับให้คู่ความทั้งสองฝ่ายยื่นบัญชีพยานเสนอก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐานไม่น้อยกว่า 7 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหาทั้ง 51 คน ที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องนั้นที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ( ดีเอสไอ) สามารถนำตัวสั่งให้อัยการฟ้องได้ 4 คน คดีจำเลยในคดีนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือนั้นก็จะประกอบไปด้วย พระสุเทพ ปภากโร นายถาวร เสนเนียม และพวกซึ่งเป็นแกนนำ กปปส. อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งกลุ่มนักวิชาการ ซึ่งอัยการยังรอส่งตัวจากพนักงานสอบสวนดีเอสไอ

วันเดียวกัน ที่ห้องพิจารณาคดี 904 ศาลอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ในคดีหมายเลขดำ อ.19/2557 ที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตโฆษก กปปส. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และหมิ่นประมาทผู้อื่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตารา 157 และ 326 สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 19-31 ธ.ค. 2556 นายธาริต จำเลย ขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ได้ดำเนินการให้คณะกรรมการคดีพิเศษ รับคดีที่โจทก์ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญาจากกรณีการชุมนุมทางการเมืองเป็นคดีพิเศษ โดยมิชอบด้วยกฎหมายและหมิ่นประมาทโจทก์ ด้วยการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมาย และให้จำเลยประกาศขอขมาโจทก์ทางหนังสือพิมพ์รายวัน เป็นเวลา 30 วัน

โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลมีคำสั่งรับคดีไว้ไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว มีคำพิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นรับคดีไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ โดยนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรก ในวันที่ 23 ก.พ. 2558 เวลา 09.00 น.

ด้านนายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนายความของนายเอกนัฏกล่าวว่า คดีนี้นายเอกนัฏได้ยื่นฟ้องนายธาริต เมื่อครั้งยังปฏิบัติหน้าที่เป็นอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งได้ออกคำสั่งดำเนินการอายัดบัญชีของกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ที่เราเห็นว่าดำเนินการไม่ชอบ จึงยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาแต่ว่าศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องไปโดยพิจารณาว่านายธาริตมีอำนาจดำเนินการ ทั้งที่ยังไม่ได้ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ให้ครบถ้วน ดังนั้นเราจึงยื่นอุทธรณ์ ซึ่งวันนี้ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่ง ให้ส่งสำนวนคดีกลับมาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครบถ้วน เพราะเห็นว่าโจทก์ยังไม่ได้นำพยานหลักฐานมาพิสูจน์ว่าการกระทำของจำเลยนั้นมีมูลหรือไม่ ซึ่งหลังจากนี้ฝ่ายโจทก์จะนำพยานหลักฐานเข้าไต่สวน เพื่อให้ศาลมีคำสั่งต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น