xs
xsm
sm
md
lg

ศาลเลื่อนตรวจหลักฐาน “สนธิญาณ” เป็นกบฏ ไป 3 ธ.ค.นี้

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลเลื่อนตรวจหลักฐาน “สนธิญาณ-สกลธี-สมบัติ-ดร.เสรี ” แกนนำ กปปส. คดีร่วมเป็นกบฏไป 3 ธ.ค.นี้ เหตุอัยการแถลงรอดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหารายอื่น

วันนี้ (29 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำ อ.1191/2557, อ.1298/2557, อ.1328/2557 ที่นักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 52 ปี และนายสกลธี ภัททิยกุล อายุ 37 ปี แกนนำ กปปส. นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อายุ 63 ปี อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นายเสรี วงษ์มณฑา อายุ 65 ปี แกนนำ กปปส. เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ, เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการกระทำนั้นแต่ไม่เลิก, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้างเพื่อบังคับรัฐบาล, ร่วมกันบุกรุก, ร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง, ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 209, 210, 215, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยเลือกตั้งฯ จากกรณีที่จำเลยได้ร่วมชุมนุมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ต่อต้านรัฐบาล พาผู้ชุมนุม บุกรุกและปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้งเพื่อกดดันให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่

โดยวันนี้อัยการโจทก์แถลงต่อศาลว่า ได้รับการประสานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่าสามารถแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 51 ราย ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน จึงขอเลื่อนนัดออกไปก่อน ศาลสอบถามทนายจำเลยแล้วไม่คัดค้าน ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเพื่อให้การพิจารณาคดีเป็นไปด้วยความยุติธรรม จึงอนุญาตให้เลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานตามที่คู่ความตกลงกัน วันที่ 3 ธ.ค. 2557 เวลา 13.00 น. พร้อมให้คู่ความยื่นบัญชีพยานในนัดหน้าด้วย

นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความจำเลย กล่าวว่า คดีนี้ผู้ต้องหา กปปส.ทั้งหมด 51 คน ฟ้องต่อศาลแล้ว 4 คน ที่เหลือยังอยู่ระหว่างรอดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหา และเห็นว่าคดีนี้มีมูลเหตุและข้อเท็จจริงมาจากเรื่องเดียวกัน แม้ตอนนี้จะยังแยกสำนวนฟ้อง แต่สุดท้ายคาดว่าอัยการจะรวมสำนวนเป็นคดีเดียวกัน


















กำลังโหลดความคิดเห็น