SLC ฟ้องกลับ 2 ผู้บริหารไทยรัฐ-เนชั่นฯ โพสต์เฟซบุ๊กหมิ่นประมาท หลัง SLC ทุ่ม 2000 ล้านซื้อหุ้นสื่อ ศาลนัดไต่สวน 30 มี.ค.นี้ ปัดไม่ใช่นอมินี “กลุ่มทักษิณ” ยันซื้อหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์ถูกต้อง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 ม.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความบริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC และนายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SLC เดินทางมายื่นฟ้องนายธนา ทุมมานนท์ อดีตกรรมการบริษัท เคเบิ้ลไทยโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ CTH และคอลัมนิสต์ไทยรัฐ กับ นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลยรวม 2 สำนวน ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า นายธนา จำเลยได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก 3 ครั้ง กล่าวหาว่า โจทก์ หรือ SLC เป็นกลุ่มทุนของตระกูลชินวัตร เข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทเนชั่น โดยต้องการครอบงำสื่อ ข้อความดังกล่าวทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าการที่โจทก์ซึ่งมีชื่อย่อว่า “SLC” เข้าไปซื้อหุ้นของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนเชิด (นอมินี) ของกลุ่มชินวัตร ที่มีสื่อฟรีทีวี 6 ช่อง สามารถชี้นำสังคม ชี้นำผู้คนและควบคุมทิศทางข่าวให้เป็นไปตามที่โจทก์และกลุ่มชินวัตรต้องการ และยังใช้อำนาจในการต่อรองโฆษณา บีบบังคับให้บุคคลอื่นต้องจำยอมกระทำตามที่โจทก์และกลุ่มชินวัตรต้องการ เพราะมีช่องข่าวอยู่ในมือมากกว่าครึ่งและต้องการครอบงำสื่อ ซึ่งเป็นความเท็จ
การที่โจทก์เข้าซื้อหุ้นของบริษัท เนชั่นฯ นั้นไม่ได้เป็นตัวแทนเชิด หรือที่เรียกว่านอมินีของกลุ่มชินวัตร เพราะการที่โจทก์เข้าซื้อหุ้นของบริษัท เนชั่นฯ เป็นการซื้อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีแหล่งที่มาของเงินลงทุนที่โจทก์ได้มาจากการเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม และมีที่มาอย่างถูกต้อง ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มชินวัตรแต่อย่างใด และโจทก์ก็ไม่เคยใช้อำนาจอิทธิพลครอบงำสื่อหรือบังคับให้สื่อฟรีทีวีช่องใดนำเสนอข่าวไปในทิศทางที่โจทก์ต้องการ โจทก์ไม่เคยเข้ายุ่งเกี่ยวกับการบริหารสื่อฟรีทีวีใดๆ และไม่เคยเข้ายุ่งเกี่ยวกับการบริหารสื่อฟรีทีวีใดๆ และไม่เคยใช้อำนาจอิทธิพลครอบงำสื่อ หรือบังคับให้สื่อฟรีทีวีช่องใดนำเสนอข่าวไปในทิศทางที่โจทก์ต้องการ โจทก์ไม่เคยเข้ายุ่งเกี่ยวกับการบริหารสื่อฟรีทีวีใดๆ
การกระทำของนายธนา ทุมมานนท์ เป็นการกระทำอย่างเป็นขบวนการเพื่อบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของโจทก์ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ทำให้ผู้ถือหุ้น นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และประชาชนทั่วไปเคลือบแคลงสงสัยถึงแหล่งที่มาของเงินทุนโจทก์ในการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เนชั่นฯ ซึ่งความจริงแล้วเงินทุนในการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวมาจากการเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งกำหนดวันจองซื้อในวันที่ 17-18 พ.ย. 2557 โดยโจทก์ได้รับเงินจากการเพิ่มทั้งสิ้น 2,192,206,269.70 บาท ดังนั้น แหล่งเงินทุนของโจทก์จึงมีที่มาอย่างชัดเจนถูกต้องตามขั้นตอนและหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และโจทก์ไม่เคยเป็นตัวแทนเชิดของกลุ่มชินวัตร ไม่เคยปิดกั้นหรือครอบงำสื่อแต่อย่างใด
ขณะที่นายอดิศักดิ์ จำเลยก็ได้นำข้อความที่กล่าวหาว่าโจทก์ หรือ SLC เป็นกลุ่มทุนของตระกูลชินวัตรเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทเนชั่นฯ โดยต้องการครอบงำสื่อ...ฯลฯ ไปโพสต์ในเฟซบุ๊กของตนเองและได้ลงข้อความที่จะทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่า SLC หลอกล่อนักลงทุนใช้เล่ห์เหลี่ยมและอุบายให้นักลงทุนเข้ามาลงทุน โดยมีเงินซึ่งไม่ทราบที่มามีความน่าสงสัยและการเพิ่มทุนดังกล่าว เป็นการฟอกเงิน ผู้บริหารของโจทก์ไร้คุณธรรมจริยธรรมและข้อความอื่นๆ ล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น เพราะการเพิ่มทุนของโจทก์เป็นเงินที่ได้มาจากผู้ถือหุ้น และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดไว้ทุกประการ และการบริหารของโจทก์ไม่เคยกระทำการใดที่ไร้คุณธรรม จริยธรรม การกระทำของนายอดิศักดิ์ จำเลยจึงเป็นการกระทำอย่างเป็นกระบวนการเพื่อบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของโจทก์ ดังนั้นโจทก์จึงนำคดีมาฟ้องเพื่อขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาจำเลยตามกฎหมาย
โดยศาลรับคำฟ้องทั้ง 2 สำนวน ไว้ในสารบบคดีหมายเลขดำ ที่ อ.133/2558 และ อ.134 /2558 เพื่อนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ทั้ง 2 คดีในวันที่ 30 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น. และ 13.30 น.
ขณะที่นายสุวัตรกล่าวว่า สาเหตุที่มายื่นฟ้องนายธนาเนื่องจากพบว่าได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวกล่าวหาบริษัท SLC เป็นกลุ่มทุนของตระกูลชินวัตรที่เข้ามาซื้อหุ้นในบริษัทเนชั่นฯ เพื่อต้องการครอบงำสื่อ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย เพราะหากเป็นเงินของตระกูลชินวัตรจริงตนจะไม่รับเป็นทนายความเพื่อฟ้องคดีให้ และที่ผ่านมาเราถือหุ้นในสปริงนิวส์ 99.99 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่เคยเข้าไปก้าวล่วงบริหารเลย ดังนั้นที่มีการปล่อยข่าวโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กกันมาตั้งแต่ต้นจึงไม่ถูกต้อง ส่วนนายอดิศักดิ์ได้นำข้อความของนายธนาที่มีการหมิ่นประมาทไปไปโพสต์ต่อ ทำให้ผู้ลงทุนที่ได้จองซื้อหุ้นSLC ไว้แล้วเกิดความเข้าใจผิดและได้ยกเลิกการซื้อหุ้นดังกล่าว สร้างความเสียหายแก่บริษัท SLC เป็นอย่างมาก ยืนยันว่าการซื้อหุ้นของ SLC ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทตระกูลชินวัตร ทั้งนี้บริษัท SLC ซื้อหุ้นในบริษัทเนชั่นฯ เพียง 12.27 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น กรณีไม่ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ จึงไม่สามารถเทกโอเวอร์ หรือเข้าไปครอบงำเปลี่ยนแปลงการบริหารสื่อได้แต่อย่างใด แต่ที่โพสต์กล่าวหาว่าเราเดินทางไปสิงคโปร์ก็ไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ ในสัปดาห์หน้านี้จะมีการฟ้องแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งทั้งคดีอาญาและแพ่งจะเป็นการฟ้องในนามส่วนตัวทั้งหมด ไม่ได้ฟ้องสื่อแต่อย่างใด
“เราก็ซื้อหุ้นในตลาดทั่วไป ในโอกาสต่อไปเราก็ดูว่าบริษัทเป็นอย่างไร เป็นการซื้อมาขายไป เพราะเนื่องจากบริษัทโจทก์ก็เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ถูกควบคุมกำกับโดย ก.ล.ต.ทั้งหมดอยู่แล้ว จะซื้อหุ้นที่ไหนก็ต้องรายงานตลอด และการที่เรามีหุ้นอยู่ 12.27 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่ได้คิดที่จะไปปลดใครเลย ที่เขาวุ่นวายกันมาก่อนหน้านั้นก็ไม่เกี่ยวกับเรา” นายสุวัตรกล่าว
ด้านนายอารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SLC กล่าวว่า การซื้อหุ้นเป็นไปตามปกติ และซื้อมาขายไปตามหลักธุรกิจถูกต้องตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การลงทุนซื้อหุ้นตัวไหนนั้นไม่ได้เจาะจงมาที่สื่อโดยเฉพาะ แต่เป็นการลงทุนในหุ้นต่างๆ โดยคำนึงถึงผลตอบแทนเพื่อมาให้ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ บริษัท SLC เรามีการเพิ่มทุนมาตั้งแต่วันที่ 17-18 พ.ย. 2557 และได้ทำการซื้อหุ้นบริษัทเนชั่นฯ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2557 ซึ่งเป็นการซื้อหุ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้นไม่ได้ กว้านซื้อสะสมมาเป็นเวลานานแต่อย่างใด เป็นการซื้อจากตลาดหลักทรัพย์และได้รายงานต่อ ก.ล.ต.อย่างถูกต้อง