“เนชั่น” หารือกรรมาธิการปฏิรูปสื่อฯ แจงกรณีกลุ่มโซลูชั่น คอนเนอร์ เข้าถือหุ้นส่อครอบงำกิจการ มีที่มาเคลือบแคลง หวั่นนำไปสู่การครอบงำขวางเจตนารมณ์ปฏิรูปสื่อ ขณะที่ SLC ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TNEWS แจงการเข้าซื้อหุ้นของ เนชั่น เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ตลท.
นายสุทธิชัย หยุ่น ประธานกรรมการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้เข้าพบเพื่อหารืออย่างไม่เป็นทางการต่อกรรมาธิการปฏิรูปการสื่อสารมวลชน และเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ห้องประชุมกรรมาธิการ ชั้น 3 อาคารรัฐสภา 3 จากกรณีที่บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC และพวก ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (มหาชน) จำกัด ในสัดส่วนที่ทำให้เกิดความกังวลว่า มีความพยายามที่จะเข้าครอบงำสื่อโดยนักลงทุนในตลาดหุ้นที่มีกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลัง
นายสุทธิชัย กล่าวต่อกรรมาธิการฯ ว่า มีความจำเป็นยิ่งที่สื่อมวลชนต้องมีความเป็นอิสระในการรายงานข่าวสาร และแสดงความคิดเห็น โดยไม่อยู่ภายใต้การควบคุม หรืออิทธิพลของกลุ่มทุนหรือกลุ่มการเมือง ซึ่งสื่อมวลชนจะมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่อย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมได้ ก็ต่อเมื่อผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นในหลักจริยธรรมในการบริหาร ทั้งทางด้านธุรกิจ และด้านกองบรรณาธิการ
กรณีที่บริษัทโซลูชั่น คอนเนอร์ เข้าถือหุ้นในบริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย ในสัดส่วนที่สูงด้วยวิธีน่าเคลือบแคลงสงสัย ทำให้เกิดคำถามถึงเจตนา ยิ่งกว่านั้นปัจจุบันบริษัทโซลูชั่น คอนเนอร์ เป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ซึ่งเป็นช่องดิจิตอลทีวีกลุ่มข่าว เช่นเดียวกับ เนชั่นทีวี สถานีข่าวในเครือเดอะเนชั่น ก็ยิ่งทำให้เห็นภาพของความพยายามครอบงำสื่อ ซึ่งอาจขัดต่อเงื่อนไขการออกใบอนุญาตทีวีดิจิตอลของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
ทั้งนี้ ในการให้การต่อกรรมาธิการฯ น.ส.ดวงกมล โชตะนา กรรมการผู้อำนวยการบริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย และนายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการอำนวยการ บจม.เนชั่น บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น ได้แสดงข้อมูลที่เชื่อมโยงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มผู้ที่เข้ามาถือหุ้นในบริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กับนักลงทุนที่ตกเป็นเป้าของการถูกสอบสวน โดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และทำให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม
ผู้บริหารสื่อในเครือเดอะเนชั่น ยืนยันต่อกรรมาธิการฯ ว่า ยินดีให้การต้อนรับการเข้ามาซื้อหุ้นของนักลงทุนที่หวังผลกำไรในเชิงธุรกิจโดยไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง และให้ความมั่นใจว่าผู้บริหาร และพนักงานทุกระดับของทุกสื่อในเครือเดอะเนชั่น พร้อมจะทำหน้าที่ในการรายงานข่าวสาร และแสดงความคิดเห็น ตลอดจนเป็นกลไกตรวจสอบอำนาจต่างๆ แทนคนในสังคมอย่างมีความรับผิดชอบต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
“สื่อของเครือเนชั่นได้พิสูจน์ตัวเองมากว่า 40 ปี ทั้งในยามปกติ และในยามวิกฤตเราได้แสดงบทบาทของสื่อที่มีจริยธรรม และมีความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างมุ่งมั่น เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสังคมจะช่วยให้เราสามารถทำหน้าที่นี้ต่อไปได้โดยไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มทุน หรือกลุ่มการเมืองใดๆ”
ขณะที่ “ทีนิวส์” แถลงโต้ “ผู้บริหารเนชั่น” พาดพิงส่อทำเสียหาย สังคมเข้าใจผิด ย้ำร่วมทุนแล้วไม่กระทบ ยืนหยัด “อุดมการณ์” ชี้ “SLC” ซื้อหุ้น “เนชั่น มัลติมีเดีย” เป็นกลไกปกติการซื้อขาย อยู่ภายใต้ “ตลาดหลักทรัพย์ฯ”
โดยมีเนื้อหาดังนี้ 1.ตามที่ปรากฏข่าวสารขึ้น เมื่อ 18 ธันวาคม 2557 ว่า บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SLC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการได้มีมติอนุมัติเข้าลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY 10 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 13.50 บาท และรับทราบการเข้าลงทุนซื้อหุ้นบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG สัดส่วน 12.27% นอกจากนี้ ยังอนุมัติการทำบันทึกความเข้าใจในการร่วมลงทุนในกลุ่มบริษัท ทีนิวส์ กับนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม โดยจะทำการศึกษาข้อมูลเพื่อตัดสินใจการในการร่วมการลงทุน และกำหนดโครงสร้างของการร่วมทุนให้เสร็จภายใน 12 สัปดาห์ ก่อนตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้าย
2.ซึ่งที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาหลังจากปรากฏข่าวสารขึ้น ก็นำไปสู่การ วิพากษ์วิจารณ์ และโต้ตอบของผู้บริหารของกลุ่มบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ตลอดจนกลุ่มบุคคล และ/หรือบุคคล ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ก็อยากแสดงตัวว่าเป็นผู้รู้ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังในการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งในการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มบุคคล และ/หรือบุคคลนั้นมีส่วนพาดพิงสำนักข่าวทีนิวส์ ไปในทางที่ทำให้เกิดความเสียหาย และความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อสังคมจะด้วยเจตนาที่ดี แต่ปราศจากข้อมูล หรือมีเจตนาเพียงเพื่อต้องการอาศัยประเด็นนี้ในการสร้างกระแสให้เกิดการยอมรับ และ/หรือความนิยมต่อตนเอง และ/หรือองค์กรด้วยเจตนาที่ทุจริต
3.จากกรณีดังกล่าวนี้ กอง บก. สำนักข่าวทีนิวส์ ขอชี้แจงไปยังกลุ่มบุคคล และ/หรือบุคคลที่มีความพยายามที่สื่อความหมายโดยไม่สุจริต ตามข้อ 2 และขอกราบเรียนไปยังพี่น้องประชาชนคนไทย ทั้งใน และต่างประเทศที่ได้ติดตาม และให้กำลังใจในการนำเสนอข่าวของสำนักข่าวทีนิวส์ ภายใต้อุดมการณ์ “เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และต่อต้านทุนสามานย์ทุกรูปแบบ” ดังนี้
4. การที่บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SLC ในการเข้าไปลงทุนซื้อหุ้นบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG ถือว่าเป็นไปตามกลไกปกติของการซื้อขาย และ/หรือการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งก็อยู่ภายใต้การกำกับควบคุมของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตัวบทกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
5.ในส่วนของสำนักข่าวทีนิวส์นั้นตามที่ บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SLC เปิดเผยว่า กรรมการอนุมัติการทำบันทึกความเข้าใจในการร่วมลงทุนในกลุ่มบริษัท ทีนิวส์ กับนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม โดยจะทำการศึกษาข้อมูลเพื่อตัดสินใจการในการร่วมการลงทุน และกำหนดโครงสร้างของการร่วมทุนให้เสร็จภายใน 12 สัปดาห์ ก่อนตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายนั้นเป็นความจริง และเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดความร่วมมือดังกล่าวกับ SLC คือ ก่อนหน้านั้น สำนักข่าวทีนิวส์ ก็ติดตามศึกษาดูรายละเอียดการบริหารงานของ SLC ต่อสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ก็ไม่ปรากฏข้อมูลที่บ่งชี้ถึงพฤติกรรมของทุนในการเข้าแทรกแซงการบริหารงานของสถานี และ/หรือ กอง บก. แต่อย่างใด และภายใต้เงื่อนไงการลงทุนระหว่างสำนักข่าวทีนิวส์ และ SLC นั้นยังได้มีข้อตกลงที่ให้ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม บริหารและกอง บก.สามารถบริหารจัดการตามอุดมการณ์ต่อไป นอกจากนั้น เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้ SLC ตัดสินใจเข้าลงทุนร่วมกับสำนักข่าวทีนิวส์ ก็คือ โอกาสในทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นตามทิศทางการเจริญเติบโตของสำนักข่าวทีนิวส์ ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีแนวโน้มที่ดีมาโดยตลอด และในกรณีการร่วมทุนดังกล่าวก็จะยิ่งส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตของธุรกิจนั้นดียิ่งขึ้น และนำไปสู่การพัฒนาองค์กร และบุคลากรให้ยั่งยืนต่อไป
6.ซึ่งก่อนหน้านั้น นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ในฐานะเจ้าของกิจการได้แจ้งถึงแนวทางดังกล่าวให้แก่กอง บก.ทราบล่วงหน้ามาตั้งเดือนกรกฎาคม 2557 (หลังจากที่ คสช.อนุญาตให้เรากลับมาออกอากาศได้อีกครั้ง) เนื่องจากก่อนหน้านี้ต้องประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจในระหว่างที่สถานีโทรทัศน์ทีนิวส์ทีวี ไม่สามารถออกอากาศได้ และเมื่อออกได้อีกครั้งเราก็ต้องเจอกับปัญหาใหญ่ทั้งในส่วนของทางด้านเทคนิค และคู่แข่งทางการตลาดในกลุ่มของดิจิตอลทีวีอีก 24 ช่อง ส่งผลให้การบริหารการขายโฆษณาไม่เป็นไปตามเป้า และต้องประสบปัญหาการขาดทุนประจำเดือนอีกครั้ง ซึ่งเราก็ได้ร่วมกันหารือในเรื่องนี้อย่างละเอียดและรอบด้าน ซึ่งก็ได้รับการยืนยันจาก นายสนธิญาณ ว่าการร่วมทุนดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานภายใต้อุดมการณ์ที่ผ่านมาแต่อย่างใด ในด้านกลับกันจะเป็นการส่งเสริมเพื่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงนำไปสู่การทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน
7.นอกเหนือจากความคาดหวังว่าการร่วมทุนนั้นจะส่งผลให้สำนักข่าวทีนิวส์ได้ทำงานให้เกิดประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ตามข้อ 6 แล้วนั้น และอีกประการสำคัญก็คือ สำนักข่าวทีนิวส์ ประสบสภาวะขาดทุนหลังจากถูก คสช. ให้ระงับการออกอากาศชั่วคราวเป็นระยะเวลา ประมาณ 2 เดือน และเราก็ไม่มีนายทุน และ/หรือ พรรคการเมืองที่สนับสนุนจึงทำให้ นายสนธิญาณ และกอง บก.ไม่สามารถแบกรับภาระ และนำไปสู่การพัฒนาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ