“จากรณีที่สื่อในเครือเนชั่นระบุชื่อผม นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ในข่าวและบทความโดยมีเจตนาทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกล่าวหาว่าผมเป็นนอมินีอยู่ในกลุ่มนักปั่นหุ้น ทำให้ภาพลักษณ์ของผมเสียหายเป็นอย่างมาก
นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC แถลงการณ์ (15 ม.ค.) กรณีความเสียหายจากการนำเสนอข่าวและบทความผ่านสื่ออย่างไม่เป็นธรรมโดยระบุว่า “การที่สื่อในเครือเนชั่นระบุชื่อผม นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ในข่าวและบทความโดยมีเจตนาทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกล่าวหาว่าผมเป็นนอมินีอยู่ในกลุ่มนักปั่นหุ้น ทำให้ภาพลักษณ์ของผมเสียหายเป็นอย่างมาก”
ผมได้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) (MFEC) ขึ้นมาในปี 2540 ตอนผมอายุ 28 ปี และได้นำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 6 ปี หลังจากนั้น เมื่อปี 2546 ตลอดระยะเวลากว่า10 ปี ที่ผ่านมา MFEC มีผลการดำเนินงานที่มีผลกำไรอย่างต่อเนื่อง ถูกจัดเป็นหุ้นเด่นจ่ายเงินปันผลตลอด 10 ปี เฉลี่ย 7.81 % สูงสุดในหุ้นหมวดสื่อสารฯ จากผลงานการบริหารงานอย่างมืออาชีพ ทำให้ผมได้รับเชิญเป็นที่ปรึกษา วิทยากร กรรมการในองค์กรชั้นนำต่างๆ สำหรับการเข้าเป็นกรรมการ บริษัท อควาคอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้มีการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ จนเป็นธุรกิจที่มีผลกำไรและสามารถปันผลได้ในปีที่ผมเข้ามาบริหารมาจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมาได้มีนักข่าวท่านหนึ่งของหนังสือพิมพ์ในเครือเนชั่นที่โทรมาขอสัมภาษณ์กับผม ขณะนั้นผมอยู่ในเพศบรรพชิตจึงไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ และได้ขอให้นัดสัมภาษณ์อีกครั้งเมื่อผมลาสิกขาบทแล้ว แต่หลังจากนั้นผมไม่เคยได้รับการติดต่อขอสัมภาษณ์อีกเลย แต่กลับมีการออกข่าวที่สร้างความเสียหายให้กับผม ซึ่งตามจรรยาบรรณพื้นฐานของการทำข่าว สื่อควรตรวจสอบข้อเท็จจริงและกลั่นกรองเสียก่อน ในกรณีนี้นักข่าวท่านนั้นควรติดต่อสัมภาษณ์ผมก่อน ก่อนที่จะนำความไปเขียนอย่างไม่รู้จริง
การที่ผมถูกกล่าวหาจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และสื่อในเครือเนชั่นว่าได้ซื้อหุ้น PP (Private Placement) ของบริษัท KMC และบริษัท SLC แล้วนั้น ถือเป็นการบิดเบือนข่าวด้วยการเสนอความจริงเพียงครึ่งเดียว (half-truth) เพื่อให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจผิด ส่งผลกระทบทั้งต่อตนเองและผู้เกี่ยวข้องอีกหลายฝ่าย ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้ว ผมไม่เคยใช้สิทธิในการซื้อหุ้น PP ของ KMC แต่อย่างใด ส่วนกรณีหุ้น PP ของ SLC นั้น ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงที่ผมกำลังตัดสินใจ
ผมเข้าใจดีถึงการทำงานของสื่อ ว่าต่างก็ทำหน้าที่ของตน ผมจึงมิได้มีความประสงค์ที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีต่อผู้หนึ่งผู้ใดหรือสื่อใดทั้งสิ้น หวังเพียงแค่จะได้รับความเป็นธรรมดังที่กล่าวมาข้างต้น แต่เพื่อมิให้ถูกคุกคามหรือทำให้เกิดความเสื่อมเสีย หรือมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของผมหรือมีความเสียหายต่อองค์กรที่ผมบริหารงานอยู่ จากข้อเขียนหรือการนำเสนอข่าวบทความที่บิดเบือนเกิดขึ้นอีก ผมจึงขอสงวนสิทธิการฟ้องร้องดำเนินคดีดังกล่าวไว้หากมีความจำเป็นและยังถูกคุกคามอย่างต่อเนื่อง
ผมเข้าใจความรู้สึกของผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารของเนชั่นว่าคงไม่พอใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และต้องการรักษาอำนาจการบริหารให้เป็นไปเหมือนในอดีต แต่ผมเชื่อมั่นว่าการปกป้องตัวเองนั้นเราไม่จำเป็นต้องทำร้ายผู้อื่นอย่างไม่เป็นธรรม เราสามารถยืนหยัดอย่างสง่างามได้โดยไม่ต้องยืนอยู่บนความเจ็บปวดของผู้อื่น
จึงเรียนมาเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และขอความเป็นธรรมในการนำเสนอข่าวที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างแท้จริง