การที่ “จ.หวานเจี๊ยบ” เข้าไปนั่งอยู่ในห้องประชุมด้วย ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก เขาได้สิทธิ์อะไรเพราะขนาด นายเวร ผู้ช่วยนายเวร ผบ.ตร. หรือ รองผบ.ตร. รวมทั้งผู้ที่ติดตามประธาน ก.ตร. ก็ไม่สิทธิ์ที่จะเข้าอยู่ในห้อง อีกทั้ง “จ.หวานเจี๊ยบ” ยังรับราชการตำรวจ และอยู่ในข่ายรายชื่อที่จะมีการแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้ด้วย
ไม่มี “พลิก” มีแต่ “ล็อค” การแต่งตั้ง “นายพัน” สีกากี ระดับ สารวัตร(สว.) –รองผู้บังคับการ(รองผบก.) ทั่วประเทศประจำปี 2557 โดยเฉพาะเก้าอี้ ผู้กำกับการ(ผกก.) และรองผบก. ผ่านตราประทับเรียบร้อยจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน
1,711 ตำแหน่ง!!! ไม่เว้นแม้แต่โผแต่งตั้ง “กองบัญชาการตำรวจนครบาล” หรือ “บช.น.” ที่มีปัญหาตำรวจระดับ ผกก. ร้องขอความเป็นธรรมจากพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง แม่ทัพใหญ่สีกากี และกรรมการ ก.ตร. หลังมีข่าวพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เสนอโยกย้าย “ผกก.-รองผบก.” ทั้งกลุ่มเกี่ยวข้องป้ายไฟโฆษณาบนป้อมตำรวจจราจร กลุ่มอบายมุข และกลุ่มอื่นๆ ออกนอกหน่วย 68 ราย โดยเฉพาะระดับ “ผกก.” โดนเตะออกนอกหน่วยถึง 59 ราย จากโรงพักนครบาลมีทั้งสิ้น 88 โรงพัก ก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงใดๆ
เช่นเดียวกับ“กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง” หรือ “บช.ก.” ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. 56 ตำแหน่ง แบ่งเป็น รองผบก. 12 ราย ผกก. 44 ราย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ รักษาการ ผบช.ก. ก็ถูกเตะโด่งออกนอกหน่วยเช่นกัน
ความหวังของเหล่า “สีกากี” ที่คิดว่าการโยกย้ายออกนอกหน่วย ด้วยสาเหตุป้ายไฟโฆษณาบนป้อมตำรวจ หรืออบายมุข ที่ผลการสอบสวนยังไม่ชัด เป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม และอยากเห็น ก.ตร. ช่วยผดุงความยุติธรรม เบรกบัญชีการแต่งตั้งที่ผู้บัญชาการเสนอขึ้นมาให้พิจารณา ต้องพังทลาย ไม่มีเสียงทัดทานใดๆจาก ก.ตร. ทุกตำแหน่ง ทุกเก้าอี้ ที่ถูกเสนอบัญชีขึ้นมาได้รับการประทับตราผ่านฉลุย
ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายที่การร้องขอความเป็นธรรมครั้งนี้ จะไม่ได้รับใส่ใจดำเนินการจาก ก.ตร. เพราะกองบัญชาการที่เสนอบัญชี ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.ท.ศรีวราห์ จาก บช.น. ก็มีความใกล้ชิดกับพล.อ.ประวิตร ประธาน ก.ตร.ชนิดน้องเลิฟพี่รัก และสัญญาณไฟเขียวก็ชัดเจนตั้งแต่ ผกก.ที่โดนพิษป้ายโฆษณาป้อมตำรวจ มายื่นเรื่องขอความเป็นธรรมจากพล.ต.อ.สมยศ แล้วพล.ต.อ.สมยศ โยนเรื่องกลับไปให้พล.ต.ท.ศรีวราห์ พิจารณา แล้วใครจะบอกว่าตัวเองเสนอบัญชีผิด ต้องแก้ไข
บัญชี “สอบสวนกลาง” ก็เช่นกัน พล.ต.ท.ประวุฒิ เป็นเพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.สมยศ ที่ส่งลงไปรักษาการ ผบช.ก. และสังคายนาตำรวจเครือข่ายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เมื่อมีการเสนอชื่อขึ้นมาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่าย ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องแค่ไหน ระดับใด ก็ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะนโยบายก็ชัดเจนอยู่แล้ว
ยิ่งเหตุผลที่พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธาน ก.ตร. หยิบยกขึ้นมาพิจารณาบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้าย บอกว่า การแต่งตั้งแต่ละตำแหน่งเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาในแต่ละหน่วยงานแต่ละภาคในการตัดสินใจเลือกและลงนามคำสั่งแต่งตั้งบุคคลในองค์กร ก.ตร. เป็นผู้มาตรวจสอบความถูกต้องเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับต่างๆเท่านั้น รวมทั้งบอกรายชื่อทุกหน่วยเรียบร้อยดีเป็นไปตามที่เสนอมา
สำทับด้วยคำแถลงของพล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล(ผบช.สกพ.) ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อ้างคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ฉบับที่ 88 กำหนดไว้ว่าแต่ละกองบัญชาการเสนอบัญชีรายชื่อในการแต่งตั้งโยกย้ายเข้าที่ประชุม ก.ตร. และต้องได้รับการเห็นชอบก่อนจึงจะดำเนินการต่อไปได้
“ก.ตร.ทำหน้าที่เพียงตรวจสอบในภาพรวมเกี่ยวกับกฎระเบียบและข้อบังคับต่างๆ ตลอดจนการใช้ดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชาในแต่ละแห่ง ให้เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม ก.ตร.จะไม่เข้าไปก้าวก่ายในรายละเอียดแต่อย่างใด”
ทุกอย่างก็จบ ปิดประตูทั้งทางกฎหมาย อำนาจ หน้าที่ และความชอบธรรม
แต่ในเรื่อง “ความเหมาะสม” ดูเหมือนเป็นโจทย์ใหญ่ที่กำลังอาจจะเป็นชนวนระเบิดใส่ “ก.ตร.” ในไม่ช้านี้ โดยเฉพาะในการประชุมพิจารณาบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายระดับ “ผกก.-รองผบก.” เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการประทับตราแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจเป็นประวัติศาสตร์ถึง 1,711ตำแหน่ง
แวดวงสีกากีกำลังตั้งข้อสงสัยถึงการมี “คนนอก” เข้าร่วมประชุม ก.ตร. ด้วยได้อย่างไร
และ “คนนอก” ที่แวดวงสีกากีกำลังตั้งข้อสงสัยไม่ใช่ใครที่ไหน “จ.หวานเจี๊ยบ” ซึ่งเคยมีชื่อเข้าปั่นป่วนโผแต่งตั้งโยกย้ายทั้งใน “นครบาล” และ “สอบสวนกลาง” รวมทั้งกองบัญชาการอื่นๆ โดยอ้างใกล้ชิดพี่ใหญ่แห่งบ้านบิ๊กบราเธอร์ สอดไส้รายชื่อแต่งตั้งจนบัญชีปั่นป่วนไปหมด
ตามหลักการประชุม ก.ตร. วาระทั่วไป ผู้ที่เข้าร่วมประชุมจะมี กรรมการ ก.ตร. ซึ่งตามกฎระเบียบปัจจุบันที่มีปรับแก้ตามคำสั่ง คสช. จะมี พล.อ.ประวิตร เป็นประธาน พล.ต.อ.สมยศ เป็นรองประธาน เลขาฯกพ. และรองผบ.ตร. จเรตำรวจแห่งชาติ เป็น กรรมการ ผบช.ก.ตร. เป็นเลขา ก.ตร. เข้าร่วมประชุม รวมทั้งอาจจะมีเจ้าหน้าที่ก.ตร.เข้ามาดำเนินงานธุรการต่างๆ
แต่หากมีวาระการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ เข้าสู่ที่ประชุม ก.ตร. ความเข้มงวดในการร่วมประชุมก็จะเพิ่มขึ้น เพราะถือว่ารายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายยังเป็นความลับ จนกว่าคำสั่งจะมีผลบังคับใช้ ทำให้ผู้ที่อยู่ในห้องประชุมจะมีเพียง กรรมการ ก.ตร. และเจ้าหน้าที่ ก.ตร. หรือ กำลังพล บางส่วนเท่านั้น
การที่ “จ.หวานเจี๊ยบ” เข้าไปนั่งอยู่ในห้องประชุมด้วย ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก เขาได้สิทธิ์อะไรเพราะขนาด นายเวร ผู้ช่วยนายเวร ผบ.ตร. หรือ รองผบ.ตร. รวมทั้งผู้ที่ติดตามประธาน ก.ตร. ก็ไม่สิทธิ์ที่จะเข้าอยู่ในห้อง
อีกทั้ง “จ.หวานเจี๊ยบ” ยังรับราชการตำรวจ และอยู่ในข่ายรายชื่อที่จะมีการแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้ด้วย ก็ไม่สมควรที่จะอยู่ในห้องพิจารณารายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้
เห็นที่งานนี้ พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธาน ก.ตร. พล.ต.อ.สมยศ ในฐานะ ผบ.ตร. คงต้องตอบคำถามเหล่าชาว “สีกากี” ถึงข้อครหาเรื่องนี้แล้ว หากยังยืนยันว่าการแต่งตั้งโยกย้าย สว.-รองผบก. ประจำปีนี้ทำตามระเบียบ กฎหมาย และความโปร่งใส แต่สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืม ก็คือต้อง “สง่างาม” สมกับเป็น “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ด้วย