ASTVผู้จัดการ - "พิ้งกี้"เข้ากองปราบ แจงเรื่องหุุ้น บ.ผู้ต้องหาลักเงิน สจล. 1 ชั่วโมง ก่อนออกมาตอบสื่อสั้นๆ ว่าไม่รู้จัก"กิตติศักดิ์ มัทธุจัด"เป็นการส่วนตัว แถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีชื่อถือหุ้น ด้าน"ประวุฒิ"จ้อสื่อแทน บอกแค่จดทะเบียนบริษัท ยังไม่ประกอบการ ไม่พบเงินหมุนเวียนในบัญชีดาราสาว จึงไม่มีเอี่ยว และไม่ต้องเชิญมาให้ปากคำอีก
วันนี้ (7 ม.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 16.00 น. น.ส.สาวิกา ไชยเดช หรือ พิ้งกี้ ดาราสาวชื่อดัง ซึ่งมีชื่อเป็นหุ้นส่วนหรือกรรมการ 1 ใน 7 บริษัทในเครือของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาคดียักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง(สจล.)เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาการ ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. และ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รักษาราชการแทน ผกก.1 บก.ป. เพื่อให้ปากคำ โดยมีนายอิทธิ ชวลิตธำรง หรือ เพชร สามีนักธุรกิจ ร่วมเดินทางมาให้กำลังใจ
พิ้งกี้ ซึ่งมีสีหน้ายิ้มแย้มและไม่ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนแต่อย่างใด โดย พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่สอบปากคำ พิ้งกี้ก่อนแล้วจะให้สื่อสัมภาษณ์อีกครั้ง
ขณะที่ดาราสาวคนดังได้หลบนักข่าวจำนวนมากที่มารอทำข่าวอยู่ด้านหน้ากองปราบปราม โดยแอบขึ้นบันไดเข้าไปทางด้านข้างกองปราบปราม เพื่อไม่ให้นักข่าวสังเกตเห็น
ต่อมาภายหลังการสอบปากคำเสร็จสิ้นซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พิ้งกี้ได้ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ตนไม่รู้จักกับนายกิตติศักดิ์ เป็นการส่วนตัว รวมทั้งไม่ทราบด้วยว่ามีชื่อเป็นหุ้นส่วนของบริษัทดังกล่าวของนายกิตติศักดิ์ ส่วนในรายละเอียดอื่นๆ นั้น ตนขออนุญาตให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้แจงแทนเพื่อความกระจ่าง โดยทางพิ้งกี้ปฏิเสธที่จะตอบข้อซักถามต่างๆ ขอสื่อมวลชนและขออนุญาตเดินทางกลับออกไปทันที
ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า จากการสอบปากคำ น.ส.สาวิกา ทำให้ทราบว่าถูกชักชวนให้ร่วมทำธุรกิจกับบริษัทด้านการผลิตภาพยนตร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 7 บริษัทในเครือของนายกิตติศักดิ์ ผู้ต้องหาในคดี อย่างไรก็ดี สำหรับบริษัทดังกล่าวได้มีการจดทะเบียนไว้เท่านั้น ยังไม่มีการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด จึงยังไม่พบเรื่องการแจ้งผลประกอบการ หรือเงินหมุนเวียนในบัญชีของบริษัท รวมถึงบัญชีของ น.ส.สาวิกา จึงไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีการลักเงิน สจล. หลังจากนี้คงไม่ต้องเชิญตัว น.ส.สาวิกา มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนอีก
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีการขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้เพิ่มเติมอีก 4 ราย นั้น ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ คาดว่าน่าจะสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับได้ภายในวันที่ 8 มกราคมนี้ ส่วนนางสมบัติ โสประดิษฐ์ และ น.ส.จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ สองแม่ลูก ผู้ต้องหาในคดีเดียวกัน ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวนจะควบคุมตัวไปขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรี ผัดฟ้องฝากขังในช่วงก่อนเที่ยงวันที่ 8 มกราคม หลังจากควบคุมตัวไว้ครบ 48 ชั่วโมงแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทที่ น.ส.สาวิกา หรือพิ้งกี้ ถือหุ้นและเป็นกรรมการร่วมกับนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด คือ บริษัท เคพีพี โปรดักชั่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2556 ด้วยทุน 1 ล้านบาท ประกอบธุรกิจจัดสร้างและจำหน่ายบทประพันธ์ ละคร รวมถึงภาพยนตร์ จัดสร้างรายการ เกมโชว์ วาไรตี้ ออกงานอีเวนต์ โดยนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ถือ 4,000 หุ้น (ร้อยละ 40), นายภูดิศ จันทิมา และ น.ส.สาวิกา ไชยเดช คนละ 3,000 หุ้น (ร้อยละ 30) และร่วมเป็นกรรมการ ขณะที่กรรมการผู้มีอำนาจทำการ 1 คือ นายกิตติศักดิ์ และกรรมการผู้มีอำนาจทำการ 2 คือ นายภูดิศ โดยรายงานงบการเงิน ณ สิ้นปี 2556 ระบุว่า บริษัท เคพีพี โปรดักชั่น จำกัด มีรายได้รวม 471.14 บาท มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 258,347.30 บาท มีสินทรัพย์รวม 985,740.97 บาท มีหนี้สิน 243,617.13 บาท ขาดทุนสะสม 257,876.16 บาท