สตช. เร่งเอาผิดก๊วนหมิ่นสถาบันฯ ยันมี คกก. ตรวจสอบผู้กระทำผิด ม.112 ยอมรับติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีในต่างแดน ติดขัดปัญหาข้อกฏหมายที่แตกต่างกัน ระบุแก้ กม. เพิ่มอำนาจสันติบาล ครอบคลุมงานด้านความมั่นคง ศปก.ตร. สั่งจับตา แก๊งก่อการร้ายหวั่นเลียนแบบจับตัวประกันออซซี่
วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับเรื่องการดำเนินคดีของผู้ที่ทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องของคดีหมิ่นสถาบัน และก็มีทีมงานที่ทำเรื่องของโซเชียลมีเดีย แต่อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าโซเชียลมีเดีย อาจจะยากหน่อย เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการกระทำผิดมาจากต่างประเทศ คงต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยและเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างประเทศ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยกับค่ายของโซเชียลมีเดียค่ายนั้น ซึ่งบางเรื่องความผิดอาจจะไม่ใช่ความผิดร้ายแรงในประเทศเขา ต้องใช้ความสัมพันธ์คุยกัน เพื่อจะทราบว่าผู้ที่เป็นคนทำผิดเจ้าของยูอาร์แอลหรือเจ้าของไอดีตรงนั้นเป็นใคร เพื่อจะนำมาดำเนินคดี บางครั้งก็อยู่ในต่างประเทศด้วยก็ทำให้เกิดความลำบาก แต่ก็จะใช้วิธีการปิดกั้นโดยการประสานกับกระทรวงไอซีทีในการบล็อก ไม่ให้สามารถเผยแพร่ข้อความในประเทศไทยได้ โดยขณะนี้กลุ่มที่มีการประสานกับกระทรวงไอซีทีมีอยู่ 2 - 3 ราย ที่มีการตรวจพบ และเป็นกลุ่มที่ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้ว ซึ่งบางกลุ่มก็มีหมายจับ
“ในขณะนี้ได้รับความร่วมมือกับทุกประเทศทั้งหมด แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามีประเทศอะไรบ้าง เพราะต้องทำงานร่วมกันอยู่ กำลังพยายามจนถึงที่สุดเพื่อที่จะให้ได้ตัวและข้อมูลว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มในไทยที่ไหนบ้าง จะได้นำมาขยายผลกับกลุ่มที่สนับสนุนในไทย” โฆษก ตร. ระบุ
***ย้ำแก้ กม. เพิ่มอำนาจสันติบาล ครอบคลุมงานด้านความมั่นคง
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่าง พ.ร.ฎ. เพิ่มอำนาจตำรวจสันติบาล พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตำรวจสันติบาลไม่สามารถปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับการระดมกำลังเกี่ยวกับภารกิจด้านคดีมั่นคง อาทิ เหตุก่อการร้ายต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องใช้กำลังพลทั้งหมดมาสนับสนุน แต่กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจตำรวจสันติบาลในกองอำนวยการไว้ จึงไม่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงเสนอแก้กฎหมายดังกล่าวเพื่อต้องการขอย้ายอำนาจไปยังตำรวจในกองอำนวยการเหล่านั้น เพื่อให้สามารถขอตรวจค้นหรือจับกุมดำเนินคดีได้ ขณะปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย อาญาเหมือนตำรวจปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นการให้อำนาจมากเกินไปจนกระทบสิทธิของประชาชนหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า คงไม่ใช่ กฎหมายดังกล่าวเป็นเพียงการเพิ่มอำนาจตำรวจสันติบาลให้เทียบเท่าตำรวจปกติเท่านั้น เนื่องจากระยะหลังกำลังตำรวจสันติบาลลดลงไปมาก แต่ก็มีบุคลากรที่มีความชำนาญด้านการข่าวอยู่สันติบาลพอสมควร จึงต้องดึงความสามารถของพวกเขาออกมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด
***ศปก.ตร. สั่งจับตา แก๊งก่อการร้ายหวั่นเลียนแบบจับตัวประกันออซซี่
มีรายงานว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) ซึ่งมี พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เป็นประธาน ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายในประเทศไทย ซึ่งอาจจะมีการลอกเลียนแบบ เหตุจับตัวประกัน ที่เกิดขึ้นในประเทศออสเตรเลีย รวมถึงเหตุที่กลุ่มตอลิบันกราดยิงนักเรียนในประเทศปากีสถาน