xs
xsm
sm
md
lg

ตม.รวบแก๊งต่างชาติ เงินดำไลบีเรียตุ๋นซื้อเรือ-มะกันปลอมวีซ่า

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายแม็คอาเธอร์ เคอรี่ (MR.MCARTHUR KERRY) อายุ 40 ปี สัญชาติไลบีเลีย นายจอห์น ฮิวล์ (MR.JOHN HILL) อายุ40 ปี สัญชาติไลบีเรีย
สตม.รวบแก๊งเงินดำสัญชาติไลบีเรีย อ้างตัวเป็น รมต.ประเทศกานา หลอกขอซื้อเรือจากชาวรัสเซีย 1 ล้านดอลลาร์ แต่เป็นเงินเคลือบสารเคมี ขอให้จ่ายค่าขนเงินและค่าน้ำยาเคมีล้างสีดำออกก่อน เหยื่อเกิดเอะใจประสาน ตม.ชี้ตัวให้จับกุม อีกคดีจับผู้ต้องหาสัญชาติอเมริกันฐานปลอมแปลงหนังสือเดินทาง



วันนี้ (11 พ.ย.) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผบช.สตม พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุกิจ โคอินทรางกูร พล.ต.ต.ณัฐธร เพราะสุนทร พล.ต.ต.ภาคภูมิ สัจจพันธุ์ พล.ต.ต.นุชิต ศรีสมพงษ์ พล.ต.ต.อภิรัต นิยมการ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.วราวุธ ทวีชัยการ ผบก.สส.สตม และ พ.ต.อ.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ รอง ผบก.สส.สตม. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมผู้ต้องหาต่างชาติ 2 คดี

คดีที่ 1 สืบเนื่องจากทาง บก.สส.สตม.ภายใต้การนำของ พล.ต.ต.วราวุธ ทวีชัยการ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.หญิง วิลาวัณย์ ปิตาวรานนท์, พ.ต.อ.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์, พ.ต.อ.วีรพล สวัสดี, พ.ต.อ.เฉลิมพล จินตรัตน์ รอง ผบก.สส.สตม. จับกุม นายแม็กอาเธอร์ เคอร์รี (MR.MCARTHUR KERRY) อายุ 40 ปี สัญชาติไลบีเลีย นายจอห์น ฮิลล์ (MR.JOHN HILL) อายุ 40 ปี สัญชาติไลบีเรีย ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุแก๊งเงินดำ โดยสามารถจับกุมได้ทีโรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอยสุขุมวิท 6 แขวงและเขตคลองเตย กทม. หลังสืบทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองมีพฤติกรรมหลอกลวงผู้เสียหายชาวรัสเซีย ที่ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายประกาศขายเรือในเว็บไซต์ ต่อมาคนร้ายแก๊งเงินดำได้เข้ามาติดต่อขอซื้อเรือดังกล่าว โดยอ้างตัวว่าเป็นรัฐมนตรีของประเทศกาน่า เมื่อตกลงราคากันได้แล้ว คนร้ายได้นัดหมายเจอกับผู้เสียหายเพื่อทำสัญญาและชำระเงิน ซึ่งมีนายแม็กอาเธอร์และนายจอห์นเข้ามาพบ อ้างตัวเป็นตัวแทนจากรัฐมนตรีประเทศกานาที่ต้องการซื้อเรือ หลังจากได้พูดคุยข้อตกลงแล้วคนร้ายได้ขอให้ผู้เสียหายชำระค่าขนเงินออกจากประเทศกานาเป็นเงิน 2 แสนบาท ผู้เสียหายหลงเชื่อและยอมมอบเงินดังกล่าวให้คนร้ายไป ต่อมาคนร้ายได้มอบกระเป๋าเอกสารให้ผู้เสียหาอ้างว่าเป็นเงินมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 31 ล้านบาท แต่เป็นเงินเคลือบสารเคมีสีดาไว้เพื่อความปลอดภัย ต้องใช้น้ำยาเคมีล้างสารเคมีสีดาออก พร้อมทั้งสาธิตวิธีการล้างเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นดอลลาร์สหรัฐจริง จากนั้นได้แจ้งผู้เสียหายว่าต้องออกเงินซื้อน้ำยาเคมีให้ก่อน จากนั้นจะล้างและชำระเงินค่าเรือ และค่าน้ำยาเคมีคืนให้เป็นเงิน 3 แสนดอลลาร์สหรัฐ ผู้เสียหายเริ่มไม่แน่ใจจึงแจ้งเรื่องมายัง ตม.จว.ชลบุรี จากนั้นจึงได้วางแผนร่วมกับ กก.1 บก.สส.สตม.จนสามารถจับกุมได้ในเวลาต่อมา

พล.ต.ต.วราวุธกล่าวว่า ในส่วนของขบวนการแก๊งเงินดำนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว โดยพฤติกรรมเป็นรูปแบบเดิมและได้พัฒนาหลอกลวงเหยื่อผ่านโซเซียลมีเดีย พูดคุยติดต่อกันในเชิงจีบ ก่อนจะทำทีส่งของมาให้แล้วติดปัญหาที่ปลายทาง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมา จึงอยากฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนให้ระวังไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้

คดีที่ 2 พ.ต.อ.ชยวุฒิ จันทร์สมบูรณ์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.ท.ธวัชชัย นรินรัตน์ สว.กก.1 บก.สส.สตม., ร.ต.ต.เสน่ห์ ปันกาโล รอง สว.กก.1 บก.สส.สตม. พร้อมเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.สส.สตม. สามารถจับกุมนายเควม ราชีด แจ็กสัน (Mr. KWAME RASHEED JACKSON) อายุ 35 ปี สัญชาติอเมริกัน หลังได้รับการประสานมาจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ให้ช่วยติดตามตัวเนื่องจากถูกศาลสหรัฐอเมริกาออกหมายจับในความผิดเกี่ยวกับการปลอมแปลงหนังสือเดินทางของสหรัฐอเมริกา มีลักษณะเป็นขบวนการและเป็นที่ต้องการตัวซึ่งถูกประกาศอยู่ในเว็บไซต์ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาด้วย ทั้งนี้ชุดสืบสวนได้พบตัวนายเควมพักอยู่ในคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งในพัทยา จ.ชลบุรี ตรวจสอบพบว่าเดินทางเข้ามาในประเทศไทยครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้รับวีซ่าประเภทอุปการะภรรยาไทย สตม.จึงได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและจะดำเนินการผลักดันส่งตัวกลับสหรัฐอเมริกาต่อไป

นอกจากนี้ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ทำการจับกุม นายเดวิด เจเรมี แกลล์ (Mr.DAVID JEREMY GALL) อายุ 41 ปี สัญชาติอเมริกัน หลังได้รับการประสานจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาว่าผู้ต้องหารายนี้ได้ก่อเหตุลักทรัพย์และใช้เครื่องมือการทางธุรกรรมทางการเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต (เครื่องรูดบัตรเครดิต) และถูกศาลมลรัฐโคโรลาโดได้ออกหมายจับแล้วและได้หลบหนีมาที่ประเทศไทยซึ่งได้ทำการจับกุมก่อนดำเนินการผลักดันส่งกลับสหรัฐอเมริกาต่อไป อีกทั้งเจ้าหน้าที่ บก.ตม.3. ร่วมกับ บก.ตม.6 ได้ร่วมกันจับกุมนายแทริก ลากรัว (MR.PATRICK LAGROU) อายุ 54 ปี สัญชาติเบลเยียม ผู้ต้องหาในคดีลักลอบปลูกกัญชาประมาณ 2 หมื่นต้น ลักลอบปลูกกัญชารายใหญ่ที่สุด อีกทั้งมีการค้าสิ่งผิด กฎหมายประมาณ 25 ล้านยูโรในประเทศเบลเยียม หลังก่อเหตุผู้ต้องหาได้หลบหนีมาในเมืองไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนทราบว่านายแพทริกได้มาทำงานอยู่ที่บริษัท มายฟาร์ม จำกัด เลขที่ 137 หมู่ 1 ต.ลาภี อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ดำเนินการจับกุม และเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรก่อนคุมตัวเพื่อให้ทางการเบลเยียมมารับตัวต่อไป

นอกจากนี้ พ.ต.อ.วรวัฒน์ยังกล่าวถึงกรณีที่ได้รับการประสานงานจากศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการว่ามีนายเต็งวิน หรืออาซัน อายุ 53 ปี สัญชาติพม่า ซึ่งมีเชื้อสายมุสลิมโรฮิงญาลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยเพื่อก่อการร้ายในประเทศไทย และจากการข่าวทราบว่าเป็นเครือข่ายผู้ก่อเหตุความรุนแรงในเขตพื้นที่ทางภาคใต้ โดยนายเต็งวินได้นำเงินจำนวน 3 แสนบาทไปทำการศัลยกรรมใบหน้าเพื่อแปลงโฉมที่โรงพยบาลแห่งหนึ่งในไทย (รพ.ยันฮี) เพื่อที่จะกลับไปก่อเหตุในประเทศพม่า เบื้องต้น พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ ได้ลงนามในคำสั่งโดยมอบหมายให้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทำการสืบสวนและจับกุมผู้ต้องหารายนี้ซึ่งในส่วนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้ดำเนินการตรวจสอบตำหนิรูปพรรณ รวมทั้งหนังสือเดินทางเพื่อสืบสวนจับกุมต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น