รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - สื่อทางการแดนมังกรระบุในวันจันทร์ (22 ก.ย.) พวกหัวรุนแรงในซินเจียงลักลอบไปฝึกการสู้รบกับ “ไอเอส” ในตะวันออกกลางเพื่อกลับไปก่อการโจมตีในจีน แถมคบค้าสมาคมกับ “ไอเอส” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเคยลักลอบเข้ามาทำพาสปอร์ตปลอมในเมืองไทยก่อนบินสู่แดนอิเหนา ขณะเดียวกันในอีกด้านหนึ่ง ผู้นำออสซี่เตือนพลเมืองที่ไปร่วมรบในตะวันออกกลาง จะถูกขังยาวหากกลับเข้าประเทศ เนื่องจากรัฐบาลกำลังจะดันกฎหมายความมั่นคง 2 ฉบับใหม่เข้าสู่สภาในสัปดาห์นี้
รายงานในฉบับวันจันทร์ (22) ของหนังสือพิมพ์ “โกลบัล ไทมส์” สื่อในเครือของ “เหรินหมินรึเป้า” กระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ถือเป็นครั้งแรกที่สื่อของทางการแดนมังกร เชื่อมโยงพวกหัวรุนแรงอิสลามิสต์จากซินเจียง เขตปกครองตนเองระดับมณฑลที่มีชนกลุ่มน้อย ชาวมุสลิมอุยกูร์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก กับนักรบกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ที่สามารถยึดครองพื้นที่กว้างขวางในซีเรียและอิรักอยู่ในขณะนี้
ทางการปักกิ่งกล่าวหามาตลอดว่า กระแสการก่อความรุนแรงในแดนมังกรในรอบปีที่ผ่านมาเป็นฝีมือพวกหัวรุนแรงอิสลามิสต์ในซินเจียงที่ต้องการแยกตัวออกไปตั้งเป็นประเทศเตอร์กิสถานตะวันออก
“พวกเขา (พวกหัวรุนแรงอิสลามิสต์จากซินเจียง) ไม่ได้แค่ต้องการเทคนิคการก่อการร้าย แต่ต้องการผูกสัมพันธ์กับองค์การก่อการร้ายระหว่างประเทศผ่านการสู้รบจริงเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนในการกลับมาก่อการร้ายในจีน” โกลบัล ไทมส์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ต่อต้านการก่อการร้ายของจีน
ทั้งนี้เหตุการณ์ความรุนแรงล่าสุดในซินเจียงเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (21) ที่ผ่านมา โดยเกิดการระเบิดอย่างน้อย 3 ระลอก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
โกลบัล ไทมส์ รายงานต่อว่า เมื่อเร็วๆ นี้ พวกหัวรุนแรงจากซินเจียงเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของไอเอสในซีเรียและอิรัก ตลอดจนถึง “สาขาต่างๆ” ของไอเอสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รายงานที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์แจกแจงว่า สัปดาห์ที่แล้ว ผู้ต้องสงสัยเป็นพวกหัวรุนแรงซินเจียง 4 คนถูกจับในอินโดนีเซียในเดือนนี้ โดยที่ในสัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจอิเหนาเผยว่า กำลังสอบปากคำชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่ระบุอัตลักษณ์ของคนเหล่านี้
โกลบอล ไทมส์ กล่าวว่า คนทั้งสี่หนีจากจีนไปกัมพูชา จากนั้นจึงเข้าประเทศไทยเพื่อทำหนังสือเดินทางปลอมของตุรกี แล้วจึงบินเข้าอินโดนีเซีย โดยผ่านมาเลเซีย ทั้งนี้แดนอิเหนาเป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งกำลังกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเรื่องที่มีพลเมืองเดินทางไปร่วมรบกับไอเอสในซีเรียและอิรัก
หนังสือพิมพ์ในเครือของพรรคคอมมิวนิสต์จีนฉบับนี้ระบุว่า ผู้ก่อการร้าย ขบวนการแบ่งแยกดินแดน และกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งจากซินเจียง มักลักลอบออกจากจีนผ่านทางมฑฑลที่เต็มไปด้วยภูเขาทางใต้ของแดนมังกร เนื่องจากในซินเจียงเองมีการควบคุมชายแดนเข้มงวดมาก โดยที่เป้าหมายสูงสุดของคนลักลอบออกนอกประเทศเหล่านี้ คือการกลับไปก่อการโจมตีในจีน
คาดกันว่า รายงานชิ้นนี้น่าที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของคำอธิบายถึงความจำเป็นเร่งด่วนของปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายทั่วประเทศ ที่รัฐบาลจีนประกาศภายหลังเกิดเหตุโจมตีหลายครั้ง โดยที่ปักกิ่งกล่าวหาว่า เป็นฝีมือของพวกหัวรุนแรงอิสลามิสต์และขบวนการแบ่งแยกดินแดนในซินเจียง
ในอีกด้านหนึ่ง ปัญหาที่มีพลเมืองลักลอบสนับสนุนหรือเดินทางไปร่วมรบกับผู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลาง กำลังเป็นประเด็นที่ออสเตรเลียกังวลอย่างมากเช่นกัน
เมื่อวันจันทร์(23) นายกรัฐมนตรีโทนี แอ็บบอตต์ แถลงต่อรัฐสภาโดยเตือนพลเมืองออสเตรเลียที่ไปร่วมต่อสู้กับกลุ่มหัวรุนแรงในตะวันออกกลางว่า จะถูกจับกุม ดำเนินคดี และถูกขังยาว หากเดินทางกลับประเทศ เนื่องจากรัฐบาลกำลังจะยกระดับกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายให้เข้มงวดขึ้น
แอ็บบอตต์เสริมว่า มีชาวออสเตรเลียอย่างน้อย 60 คนร่วมรบกับไอเอสหรือนักรบกลุ่มอื่นๆ ในตะวันออกกลาง และมีอีก 100 คนที่ให้การสนับสนุนนักรบเหล่านี้ ที่สำคัญ เชื่อว่า พลเมืองอย่างน้อย 20 คนเดินทางกลับออสเตรเลียแล้ว ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคง
จอร์จ แบรนดิส รัฐมนตรียุติธรรมออสเตรเลียเสริมว่า ในสัปดาห์นี้จะนำร่างกฎหมาย 2 ฉบับเข้าสู่สภา เพื่อเพิ่มอำนาจให้แก่หน่วยงานด้านความมั่นคง และจัดการภัยคุกคามจาก “นักรบ” ที่เดินทางกลับจากการร่วมรบกับกลุ่มหัวรุนแรงมาก่อการร้ายในประเทศ
ภายใต้กฎหมายฉบับแรก ซึ่งคาดว่า จะได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นนั้น บุคคลที่ให้คำปรึกษา ส่งเสริม หรือปลุกเร้าให้มีการก่อการร้าย จะถือเป็นความผิดทางอาญา
กฎหมายนี้ยังห้ามพลเมืองออสเตรเลียเดินทางไปยังเมืองหรือพื้นที่ที่เป็นเขตยึดครองของกลุ่มก่อการร้าย ผู้ใดฝ่าฝืนโดยปราศจากเหตุผลสมควรจะถูกดำเนินคดีไม่มีข้อยกเว้น
ส่วนกฎหมายฉบับที่สอง กำหนดให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมเก็บข้อมูลเมตาดาต้า เพื่อให้ตำรวจและหน่วยงานด้านความมั่นคงเรียกดูได้หากจำเป็น
ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนนี้ ออสเตรเลียยังได้ประกาศยกระดับภัยคุกคามความมั่นคงจากระดับ “กลาง” สู่ระดับ “สูง” และต้นสัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจกว่า 800 คนได้จู่โจมเข้าตรวจค้นสถานที่หลายแห่งในเมืองซิดนีย์และเมืองบริสเบน และจับกุมผู้ต้องหาไปหลายคน โดยระบุสามารถทำลายแผนของกลุ่มที่เชื่อมโยงกับไอเอส ซึ่งเตรียมก่อเหตุด้วยการไล่ตัดศีรษะคนไม่เลือก
นอกจากนี้ วันศุกร์ที่ผ่านมา (19) แอ็บบอตต์ยังสั่งเพิ่มการรักษาความปลอดภัยอาคารรัฐสภาในแคนเบอร์รา หลังได้รับข่าวกรองว่า มีการวางแผนโจมตีอาคารดังกล่าวและเล่นงานนักการเมือง โดยเป็นการสั่งการมาจากกลุ่มนักรบนอกประเทศ