xs
xsm
sm
md
lg

ยูเออีแก้ “กม.ต่อต้านก่อการร้าย” เพิ่มโทษประหาร - ปรับไม่เกิน 870 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ราชิด อัล-มันซูรี กงสุลใหญ่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ประจำเมืองอาร์บิล กำลังทำหน้าที่ตรวจตราดูแลการขนสิ่งของบรรเทาทุกข์ที่สภากาชาดยูเออี ส่งมาช่วยเหลือชาวอิรักที่หนีการไล่ล่าของกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง รัฐอิสลาม (ไอเอส) มาอยู่อาศัยในเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานแห่งอิรัก ในวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.)
เอเอฟพี - สื่ออาหรับรายงานวันนี้ (21 ส.ค.) ว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ได้เพิ่มบทลงโทษของกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายให้หนักหน่วงรุนแรงยิ่งขึ้น ในช่วงที่กลุ่มหัวรุนแรงลุกฮือก่อเหตุไม่สงบมากขึ้นเรื่อยๆ จนจุดประกายให้ทั่วโลกวิตกกังวลกันเพิ่มขึ้น

สำนักข่าว WAM ของทางการรายงานว่า ประธานาธิบดี ชัยคห์ คอลิฟะห์ บิน ซายเอ็ด อัล-นาฮายัน แห่งยูเออี “ได้ประกาศใช้กฎหมายว่าด้วยอาชญากรรมก่อการร้ายหมายเลข 7 ของปี 2014”
ประธานาธิบดี ชัยคห์ คอลิฟะห์ บิน ซายเอ็ด อัล-นาฮายัน แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ด้านสื่อสิ่งพิมพ์รายงานว่า กฎหมายฉบับนี้เปิดทางให้มีการลงโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต และปรับเป็นเงินไม่เกิน 100 ล้านเดอร์แฮม (ราว 871 ล้านบาท) สำหรับผู้ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมที่พัวพันการก่อการร้าย

หนังสือพิมพ์รายวัน “คาลีจ ไทม์ส” รายงานว่า “กฎหมายฉบับดังกล่าวกำหนดว่า บุคคลใดก็ตามที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานโจมตี หรือขู่คุกคามประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี หรือผู้ปกครองคนใดก็ตามของเอมิเรตส์ ตลอดจนครอบครัวของพวกเขา และบุคคลที่ลอบวางแผนต่อต้านรัฐและรัฐบาลจะต้องได้รับโทษประหาร”

หนังสือพิมพ์เจ้านี้ระบุด้วยว่า บุคคล “ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ วางแผน หรือช่วยเหลือการก่อการร้ายในประเทศ หรือวางแผนในประเทศ เพื่อก่อการร้ายนอกประเทศ จะต้องได้รับโทษตามที่กล่าวมานี้”

การปรับปรุงกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายที่ร่างขึ้นเมื่อปี 2004 ยังคาดโทษผู้ที่ส่งเงินสนับสนุนการก่อการร้าย จับตัวประกัน ค้ามนุษย์ และฟอกเงินอีกด้วย

รัฐบาลยูเออีได้หันมาออกบทลงโทษที่รุนแรงยิ่งขึ้น ในเวลาที่ภูมิภาคตะวันออกกลาง และนานาประเทศกำลังหวั่นวิตกกับการลุกฮือของกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ที่ยึดครองดินแดนอันกว้างใหญ่ในอิรักและซีเรีย

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นอาณาจักรเศรษฐีน้ำมันแถบอ่าวอาหรับนั้นกำลังเดินตามรอยชาติเพื่อนบ้านรุ่นใหญ่ในภูมิภาคอย่างซาอุดีอาระเบีย ทั้งนี้ ยูเออีเป็นประเทศที่รอดพ้นจากอิทธิพลของเหตุการณ์ “อาหรับสปริง” เมื่อปี 2011 ที่จุดประกายให้เกิดการลุกฮือในหลายชาติแถบตะวันออกกลาง

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซาอุดีอาระเบีย ได้ประกาศบทลงโทษจำคุกสูงสุด 20 ปีสำหรับใครก็ตามที่เป็นสมาชิก “กลุ่มก่อการร้าย” และเดินทางไปต่างแดนเพื่อร่วมสู้รบในสงคราม นอกจากนี้ซาอุดีอาระเบียยังได้ประกาศคว่ำบาตรใครก็ตามที่สนับสนุนองค์การก่อการร้ายอย่างรุนแรง

ราชอาณาจักรซาอุฯ ที่ดำเนินแนวทางอนุรักษนิยมสุดโต่ง ได้เผยแพร่รายชื่อองค์การก่อการร้ายที่รวมถึง กลุ่มภราดรภาพมุสลิม และกลุ่มนักรบญิฮาดที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอัลกออิดะห์ ซึ่งกำลังต่อสู้กับกองกำลังของรัฐบาลในซีเรีย ตลอดจนขบวนการอื่นๆ

เมื่อเดือนมิถุนายน ศาลสูงสุดของยูเออีได้ตัดสินจำคุกชาวอาหรับ 6 คน ภายหลังที่พวกเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดจากจัดตั้งกลุ่มแยกย่อยของ “อัลกออิดะห์” และระดมเงินทุนสนับสนุน “แนวหน้าอัล-นุสรา” ซึ่งเป็นเครือข่ายนักรบญิฮาดในซีเรีย

นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ยังมีชาวเอมิเรตส์ และชาวอียิปต์หลายสิบคนถูกตัดสินจำคุกในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในความผิดฐานก่อตั้งกลุ่มที่มีความเชื่อมโยงกับภราดรภาพมุสลิม ซึ่งอียิปต์ประกาศว่าเป็น “องค์กรก่อการร้าย” และถูกกล่าวหาว่ากำลังเคลื่อนไหวล้มล้างสถาบันกษัตริย์ในชาติแถบอ่าวอาหรับ

กำลังโหลดความคิดเห็น