ASTVผู้จัดการ - สตช.สั่งศึกษากรณีจับตัวประกันที่ซิดนีย์เป็นบทเรียนมาปรับใช้ในไทย รวมทั้งให้กองการต่างประเทศติดตามรายละเอียดของข่าวในลำดับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ห้วงเวลาต่างๆ และรายละเอียดการปฏิบัติการเชิงยุทธวิธี โดยสรุปและนำเสนอตามสายงานด้านความมั่นคง
วันนี้ (16 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.อำนาจ อันอาตม์งาม ที่ปรึกษา (สบ 10) ได้สั่งการในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ให้กองแผนงานอาชญากรรม สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ ศึกษากรณีเหตุจับตัวประกันในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ในเรื่องระบบปฏิบัติหรือระบบตอบโต้สถานการณ์ หากเกิดขึ้นในประเทศไทยจะต้องทำอย่างไร เน้นย้ำประเด็นสำคัญที่ต้องศึกษาเป็นกรณีตัวอย่างเพื่อนำมาปรับใช้ การปิดกั้นสถานที่ที่เกิดเหตุ การปิดกั้นการติดต่อสื่อสารของผู้ต้องหาทั้งหมด ตลอดจนการควบคุมการให้ข่าวต่อสื่อมวลชนในเหตุการณ์และการปฏิบัติต่างๆ รวมทั้งให้กองการต่างประเทศติดตามรายละเอียดของข่าวในลำดับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ห้วงเวลาต่างๆ และรายละเอียดการปฏิบัติการเชิงยุทธวิธี โดยสรุปและนำเสนอตามสายงานด้านความมั่นคง
ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจสันติบาล สรุปสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ยางพารา และเหตุผลความจำเป็นในการกำหนดให้มีร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว และวิเคราะห์สาเหตุของการที่ร่างไม่ผ่านวาระมาหลายรัฐบาล รวมทั้งให้ติดตาม พ.ร.บ.การปฏิรูปการบริหารราชการส่วนภูมิภาค ว่าสาระสำคัญจะเป็นไปในทิศทางใด และกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านที่ออกมาเคลื่อนไหวมีประเด็นความขัดแย้งในเรื่องใด นอกจากนี้ยังได้ กำชับ ภ.จว.นราธิวาส กรณีคนร้ายขว้างลูกระเบิดใส่บ้านพักข้าราชการตำรวจ ในพื้นที่ สภ.บาเจาะ ให้มีระบบระวังป้องกันเพื่อป้องกันเหตุเกิดซ้ำอีก เน้นย้ำในการสืบสวนสอบติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีและหาความเชื่อมโยงของกลุ่มก่อการร้ายต่อไป
ส่วนกรณีเหตุซุ่มโจมตีฐาน มว.ฉก.นปพ.ยะลา 22 ในพื้นที่ สภ.กาบัง จ.ยะลา ได้กำชับ ภ.จว.ยะลา ให้มีระบบป้องกันตัวฐานที่มั่นคงและแข็งแรงเพื่อป้องกันชีวิตกำลังพล ให้มีแผนปฏิบัติการเชิงรุก กรณีผู้ก่อการร้ายเข้ามาโจมตีฐาน โดยหน่วยต้องให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้มีเหตุซ้ำอีก และสุดท้ายกำชับ ภ.จว.พะเยา กรณีข้าราชการตำรวจข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุ 11 ปี ท้องที่ สภ.เชียงคำ ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้ละเอียดรอบคอบ เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจ โดยเน้นย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
