คนร้ายถืออาวุธบุกเดี่ยวเข้าจี้ตัวพนักงานและลูกค้าร้านช็อกโกแลต คาเฟ่กลางเมืองซิดนีย์ เป็นตัวประกันตั้งแต่เช้าวันจันทร์(15)จนกระทั่งตอนกลางคืนเหตุการณ์ยังคงไม่คลี่คลาย โดยมีตัวประกันหนีรอดได้ 5 คน คาดยังถูกจับอีกกว่าสิบคน พร้อมบังคับให้ชูธงอิสลามติดกระจกของร้าน ส่งสัญญาณถึงภัยก่อการร้ายที่เข้าสู่ใจกลางเมืองใหญ่แล้ว ตร.ต้องปิดล้อม หลังคนร้ายขู่บึ้มหลายจุด ด้านกงสุลไทยในซิดนีย์ ยันไม่มีคนไทยถูกจับเป็นตัวประกัน ขณะที่นร.ไทยปลอดภัยดีทุกคน “ประยุทธ์” ไม่หวั่น “ไอซิส” เข้าไทย ระบุมีมาตรการป้องกัน ชี้ไทยไม่ใช้คู่ขัดแย้งโดยตรง ล่าสุด ตร.บุกเข้าชิงตัวประกัน คนร้ายถูกวิสามัญในที่เกิดเหตุ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุคนร้าย ซึ่งคาดว่ามีเพียง 1 คน ใช้อาวุธปืนบุกจี้จับผู้คนในร้านลินด์ช็อกโกแลตคาเฟ่ ซึ่งเป็นร้านกาแฟในย่านธุรกิจมาร์ตินเพลซ ของนครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ไว้เป็นตัวประกันจำนวนหนึ่ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ คาดว่า มีเหยื่อตกเป็นตัวประกันประมาณกว่า 20 คน ด้วยกัน ก่อนยื่นข้อเรียกร้องขอธงสัญลักษณ์ของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอสจากทางการ
เหตุการณ์นี้ทำให้ตำรวจซิดนีย์หลายร้อยนายต้องปิดล้อมย่านดาวน์ทาวน์ของซิดนีย์ ในบริเวณที่เป็นที่ตั้งหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่ง รวมถึงสำนักงานใหญ่ของบริษัทมากมาย
ทางการแคนเบอร์ราแถลงว่า ยังไม่รู้เหตุจูงใจชัดเจน แต่ธงสีดำที่เขียนภาษาอาหรับซึ่งมือปืนบังคับให้ตัวประกันผลัดกันชูนั้น ดูเหมือนเป็น “ธงชาฮาดะห์” ซึ่งเขียนคำปฏิญาณของชาวมุสลิมทุกคนที่ว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะห์ และมูฮัมหมัดเป็นศาสนทูตของอัลเลาะห์”
อย่างไรก็ดี มุสลิมในออสเตรเลียกว่า 40 กลุ่มออกคำแถลงประณามการจับตัวประกันในซิดนีย์ และการใช้ธงดังกล่าว โดยยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดมากกว่าแสดงสัญลักษณ์เป็นตัวแทนของชาวมุสลิม
ในขณะที่ตำรวจพยายามดำเนินการเจรจากับมือปืนผู้นี้อย่างต่อเนื่องจนถึงกลางคืน ก็มีคลิปวิดีโอเผยแพร่ทางออนไลน์แสดงให้เห็นพวกตัวประกันท่าทางเหนื่อยอ่อน ออกมากล่าวย้ำคำเรียกร้องของมือปืนรายนี้ จนกระทั่งในเวลาต่อมา “ยูทิวป์” ได้ระงับการเผยแพร่คลิปเหล่านี้
คนร้ายรายนี้ซึ่งมีรายงานว่ามีปืนลูกซองเป็นอาวุธ ได้ตั้งข้อเรียกร้องหลายประการผ่านสื่อออสเตรเลีย ทว่าสื่อได้ยุติการเผยแพร่ข้อเรียกร้องเหล่านี้ตามคำขอร้องของตำรวจ
ทางด้านหนังสือพิมพ์ดิออสเตรเลียน รายงานว่า มือปืนรายนี้เป็นชาวอิหร่าน “ผู้อวดอ้างตนเองเป็นชีคอาหรับ” และได้เที่ยวส่งจดหมายข้อความดูหมิ่นไปถึงพวกครอบครัวของทหารเสียชีวิต โดยที่เขากำลังถูกตั้งข้อหาว่าสมรู้ร่วมคิดสังหารภรรยาเก่าของเขาและอยู่ระหว่างได้ประกันตัวออกมา
หนังสือพิมพ์นี้มิได้ระบุชื่อชายผู้นี้ แต่กล่าวว่าเขามีอายุ 49 ปี พำนักอาศัยอยู่ทางย่านตะวันตกเฉียงใต้ของนครซิดนีย์ และ “เป็นที่เข้าใจว่าเป็นอิสลามิสต์เพี้ยนๆ”
ออสเตรเลียนั้นได้ประกาศยกระดับการเตือนภัยการก่อการร้าย หลังจากที่รัฐบาลมีความกังวลมากขึ้นว่า พลเมืองที่ไปร่วมรบกับนักรบญิฮัดในอิรักและซีเรีย อาจกลับมาก่อการร้ายในประเทศในลักษณะ “บุกเดี่ยว”
แคนเบอร์ราเชื่อว่า มีพลเมืองกว่า 70 คนไปร่วมรบกับนักรบอิสลาม และเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 20 คน
นายกรัฐมนตรีโทนี่ แอ็บบอตต์ เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ความมั่นคงแห่งชาติเพื่อรับมือสถานการณ์ที่ “รบกวนจิตใจ” อย่างยิ่งนี้
หลังจากมือปืนบุกเข้าไปในร้านลินด์ ช็อกโกแลต คาเฟ่ และจับตัวประกันผ่านไปได้ 6 ชั่วโมง ได้มีชาย 3 คนสามารถหนีรอดออกมาได้ โดย 2 คนหนีออกทางประตูหน้าและอีกคนจากทางหนีไฟ และราวหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ผู้หญิงสองคน ซึ่งเป็นพนักงานของร้านทั้งคู่ก็หนีตามออกมา
ในบรรดาตัวประกันที่ยังถูกจับอยู่มีพนักงานของอินโฟซิส บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของอินเดียรวมอยู่ด้วย
ผู้นำอินเดีย อังกฤษ และแคนาดา ต่างส่งข้อความแสดงความกังวลผ่านทางทวิตเตอร์ ขณะที่ทำเนียบขาวเผยว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้รับการบรรยายสรุปสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว
ทางด้านลินด์ ออสเตรเลีย โพสต์ข้อความบนหน้าเฟซบุ๊ก ขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจ พร้อมแสดงความเป็นห่วงพนักงานและลูกค้าที่ถูกจับเป็นตัวประกัน
แคเทอลีน เบิร์น รองผู้บัญชาการตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์แถลงว่า เจ้าหน้าที่ยังคงเจรจากับมือปืนอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ว่า มีตัวประกันได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
คริส รีสัน ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์แชนเนล เซเว่น ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามคาเฟ่ที่เกิดเหตุ ทวิตว่า สามารถมองเห็นตัวประกันราว 15 คน ที่มีทั้งผู้หญิงผู้ชาย หนุ่มสาวและผู้สูงวัย แต่ไม่มีเด็ก
“เราเห็นว่า มือปืนสับเปลี่ยนหมุนเวียนให้ตัวประกันไปยืนชูมือแนบกระจก บางครั้งคนละ 2 ชั่วโมง”
รีสันยังเห็นว่า มือปืนเริ่มร้อนรนหลังจากรู้ว่า ตัวประกัน 5 คนหนีออกไปได้ และตวาดใส่ตัวประกันที่ยังเหลืออยู่
มาร์ติน เพลซ ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ เป็นศูนย์กลางการเงินของซิดนีย์ เมืองใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย และเป็นที่ตั้งสถานที่สำคัญมากมาย เช่น รัฐสภานิวเซาท์เวลส์ สถานกงสุลสหรัฐฯ ธนาคารกลาง และธนาคารคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ออฟ ออสเตรเลีย
ร้านค้าหลายแห่งในย่านดังกล่าวเลือกปิดก่อนเวลาเนื่องจากเหตุการณ์จับตัวประกัน ถนนที่เคยพลุกพล่านกับมีผู้คนบางตาลงถนัดใจ และ ซิดนีย์ โอเปร่า เฮาส์ที่อยู่ไม่ไกล ต้องยกเลิกการแสดง
ตำรวจยังแจ้งให้ประชาชนที่ทำงานในย่านที่ถูกปิดล้อมหยุดงานหนึ่งวันในวันอังคาร (16) บ่งชี้ว่า เหตุการณ์นี้อาจจะยืดเยื้อข้ามคืน
วิกฤตตัวประกันครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาประมาณ 9.45 น. วันจันทร์ ไม่กี่นาทีก่อนที่ตำรวจจะประกาศว่า จับกุมหนุ่มวัย 25 ปีคนหนึ่งในซิดนีย์เนื่องจากสงสัยว่า มีการกระทำที่เข้าข่ายก่อการร้าย
การจับกุมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับแผนการโจมตีของผู้ก่อการร้ายภายในออสเตรเลีย และการช่วยเหลือให้พลเมืองออสเตรเลียเดินทางไปร่วมสู้รบในซีเรีย
อย่างไรก็ดี ตำรวจไม่เชื่อว่า เหตุการณ์นี้มีความเชื่อมโยงกับการจับตัวประกันในซิดนีย์
เดือนกันยายนที่ผ่านมา รัฐบาลออสเตรเลียยกระดับการเตือนภัยการก่อการร้าย และตำรวจบุกตรวจค้นผู้ต้องสงสัยครั้งใหญ่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะใน 3 เมืองใหญ่ ได้แก่ เมลเบิร์น ซิดนีย์ และบริสเบน แต่สามารถจับกุมและตั้งข้อหาได้เพียง 2 คน โดย 1 ในนั้นถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับผู้นำกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียในการสุ่มตัดศีรษะใครก็ได้ในเมืองซิดนีย์
กลุ่มไอเอสที่ยึดครองพื้นที่ 1 ใน 3 ในซีเรียและอิรักขณะนี้ เคยขู่ออสเตรเลียมาก่อน โดยในเดือนกันยายน อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-อัดนานี โฆษกไอเอส ได้เผยแพร่คลิปเสียงเรียกร้องให้มีการโจมตีแบบ “บุกเดี่ยว” ในต่างประเทศ โดยเฉพาะออสเตรเลีย โดยให้สังหาร “คนนอกศาสนา” ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นพลเรือนหรือทหารก็ตาม
ยันไม่มีคนไทยถูกจับเป็นตัวประกัน
เมื่อเวลา 18.30 น. นายธีรเทพ พรหมวงศานนท์ กงสุลใหญ่ไทยประจำนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย กล่าวถึงสถานการณ์ล่าสุดว่า ขณะนี้เวลาผ่านไปกว่า 13 ชั่วโมงแล้ว ยืนยัน ไม่มีพนักงานเป็นคนไทยอยู่ที่นั่น เผยในอดีตเคยพนักงานคนไทยในร้านนี้แต่ได้ลาออกไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่านักท่องเที่ยวมีคนไทยอยู่ในร้านหรือไม่
นร.ไทยในซิดนีย์ปลอดภัยดีทุกคน
สถานกงสุลใหญ่ไทย ในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย รายงานว่า สำนักงานกพ. ณ กรุงแคนเบอร์รา ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า นักเรียนทุน กพ. ที่เรียนในมหาวิทยาลัยซิดนีย์ (USYD) และ UTS ปลอดภัยทุกคน ส่วนใหญ่เดินทางกลับประเทศไทย เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอม
ไทยไม่ใช่เป้าก่อการร้าย
วานนี้ (15 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่คนร้ายซึ่งคาดว่าเป็นสมาชิกกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอซิส จี้จับตัวประกันราว 30-40 คนที่ร้านกาแฟในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียว่า กระทรวงการต่างประเทศ มีรายงานขั้นต้นมาแล้วว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผลกระทบกับไทย แต่หากคนร้ายเข้ามาในบ้านเราก็ต้องดำเนินการจับกุม เนื่องจากมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอยู่ วันนี้ก็ได้ประสานมาตรการด้านการข่าวกับเทศเพื่อนบ้าน เพื่อระมัดระวังในการเดินทางเข้าออกประเทศ แต่ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่มีความขัดแย้งโดยตรง ฉะนั้นอย่าไปพูดมาก เพราะอาจจะทำให้มีผลกระทบ วันนี้บ้านเราสงบได้ระดับหนึ่ง เรื่องอื่นเป็นเรื่องของประเทศมหาอำนาจก็ว่ากันไป ขอสื่ออย่าขยายความจนทำให้เกิดผลกระทบ
เมื่อถามว่าจะให้ความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เรามีมาตรการเฝ้าระวัง แจ้งเตือน ก่อนจะไปถึงขั้นปราบปรามและจับกุม แต่เห็นว่าการป้องกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด โดยฝ่ายความมั่นคงได้รับไปทำอยู่ ทางการข่าวสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็สรุปรายงานทุกวัน และวันนี้ยังไม่มีรายงานว่า มีกลุ่มไอซิสในบ้านเรา
เมื่อถามว่ามีคนไทยได้รับผลกระทบหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กำลังติดตามอยู่ ขอเวลาหน่อย แต่ถ้ามีคนไทยอยู่ก็ต้องช่วยให้ปลอดภัย ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงกำลังติดตามอยู่
ด้าน พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ใช่เป้าหมายของผู้ก่อการร้ายโดยตรง จึงคิดว่าเหตุการณ์แบบที่ออสเตรเลียไม่น่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทย ส่วนการติดตามว่าจะมีกลุ่มก่อการร้ายลักลอบเข้ามาในประเทศนั้น มีหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตามปกติอยู่แล้ว แต่เมื่อไทยไม่ใช่เป้าหมาย ซึ่งก็สบายใจได้ในระดับหนึ่ง
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าทางกลุ่มไอซิสได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เช่นกัน พล.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่และยังไม่มีการยืนยัน ทั้งนี้สถานการณ์ของไทยอยู่ในระดับปกติ
ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ความสำคัญติดตามเฝ้าระวังการข่าวการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายมาโดยตลอด ซึ่งการข่าวยังไม่พบ หรือได้รับสัญญาณใดๆที่กลุ่มคนเหล่านั้นจะลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงมีแผนการและขั้นตอนในการดำเนินการอยู่แล้ว และมีการประสานกับเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของต่างประเทศด้วยเช่นกัน จึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงกับเรื่องนี้.
สถานการณ์เบื้องต้นล่าสุด ภายหลังผ่านไป 16 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนครซีดนีย์ ได้ตัดสินใจบุกเข้าไปช่วยตัวประกัน โดยมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ซึ่งการปฎิบัติครั้งนี้มีผู้บาดเจ็บ 4 คน ขณะที่สามารถช่วยเหลือตัวประกันได้เพิ่มเติม ส่วนคนร้ายถูกวิสามัญในที่เกิดเหตุ.