xs
xsm
sm
md
lg

ตำรวจยืนยันมีหลักฐาน “นพพร” ร่วมแก๊งพี่น้องอุ้มรีด ประสาน ตร.สากลล่าตัว

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ตำรวจโต้ “นพพร” ยันมีหลักฐานยืนยันร่วมแก๊งพี่น้องอุ้มรีด พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการฟ้องร้องหนี้นายบัณฑิต และหุ้นส่วน รวม 3 ราย วงเงิน 17 ล้านบาท ดำเนินการฟ้องร้องในชั้นศาลแล้ว น่าจะรอกระบวนการในชั้นศาล กลับยอมจ่ายหนี้กว่าร้อยล้าน ระบุยังไม่ทราบผู้ต้องหาอยู่ประเทศใด เผยประสาน ตร.สากลล่าตัวมาดำเนินคดี

วันนี้ (7 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อายุ 43 ปี ประธานกรรมการ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ เลขที่ 138/2557 ลงวันที่ 1 ธ.ค. 2557 ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และจ้างวานใช้ให้ผู้อื่นกระทำการร่วมกันทำร้ายผู้อื่น ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ซึ่งหลบหนีไปต่างประเทศ ออกหนังสือชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ไม่ได้ร่วมกระทำผิดและไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแจ้งข้อกล่าวหา ว่า ได้อ่านข้อชี้แจงของนายนพพรแล้ว ตรงนี้เป็นสิทธิที่นายนพพรจะออกมาชี้แจงได้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายนพพรนั้นเป็นไปตามพยานหลักฐานในการติดต่อกับกลุ่มพี่น้องตระกูลสุวะดี ให้ทำการลดหนี้โดยมีพยานยืนยัน ว่า นายนพพร รวมทั้ง น.ท.ปริญญา รักวาทิน หรือ เสธ.เจี๊ยบ และกลุ่มพี่น้องตระกูลสุวดี มีการนั่งพูดคุยกันเพื่อดำเนินการตามการว่าจ้างให้ดำเนินการขอลดหนี้ กับนายบัณฑิต โชติวิทยะกุล ซึ่งนายนพพรรับรู้ถึงวิธีพิเศษที่จะทำให้นายบัณฑิตเกรงใจ และเลือกใช้วิธีนี้ มีการลงมืออุ้มรีดแล้ว ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว แม้นายนพพรจะอ้างว่ามีการเจรจาประนอมหนี้กับนายบัณฑิตในภายหลัง โดยยอมจ่ายเงินถึง 120 ล้านบาท ให้นายบัณฑิตก็ตาม

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า เป็นที่น่าสังเกต จากที่ นายนพพร ทำหนังสือชี้แจง เรื่องการเป็นหนี้ที่นายบัณฑิตและหุ้นส่วนฯรวม3คนจนมีการฟ้องร้องวงเงิน 17ล้านบาท ซึ่งหากคิดตามจริงในส่วนของนายบัณฑิตมูลหนี้เพียง 6 - 7 ล้านบาทเท่านั้น อ้างว่าการดำเนินการฟ้องร้องในชั้นศาลแล้ว ก็น่าจะรอกระบวนการขอความเป็นธรรมในชั้นศาล เหตุใดจึงมาต่อรองนอกศาลและนายนพพรต้องยอมจ่ายหนี้ถึงกว่าร้อยล้าน จึงเป็นสิ่งที่ต้องตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกตินี้ด้วย น่าจะรอต่อสู้ในชั้นศาลเหตุใดไปใช้วิธีติดต่อผู้ที่น่าเกรงใจมาเจรจากดดันแล้วกลับต้องจ่ายเงินสูงกว่ายอดหนี้จำนวนมาก ซึ่งไม่สมเหตุสมผล และนอกจากนี้ ทราบว่า นายนพพร ยังฟ้องร้องนายบัณฑิต ข้อหาให้การเท็จได้ด้วย คดีอยู่ในชั้นศาลฎีกาและศาลชั้นต้น และอุทธรณ์ก็ตัดสินลงโทษ

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา นายนพพร ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร จริง มีการสอบปากคำไว้ในฐานะพยาน และสอบถามเต็มที่แล้ว ในความเกี่ยวข้องกับคนในขบวนการ ข้อมูลครบถ้วนแล้วในฐานะพยาน จึงไม่ต้องสอบสวนให้ปากคำเพิ่มเติม กระทั่งต่อมามีการแจ้งข้อกล่าวหา ขออนุมัติหมายจับโดยนายนพพรกลับหลบหนี

“ก่อนออกหมายจับเรามีพยานหลักฐานชี้ว่านายนพพรกระทำผิดตามข้อกล่าวหา การกระทำผิดสำเร็จแล้ว การที่นายนพพรชี้แจงก็ทำได้ การอ้างไม่รู้ก็อ้างได้ ตอนนี้ไม่ทราบว่าอยู่ประเทศใด แต่อยากให้กลับมามอบตัวกับตำรวจ มาชี้แจงมาต่อสู้คดี ซึ่งนายนพพรมีสิทธิอยู่แล้วตามกฎหมาย สามารถใช้สิทธิต่อสู้ได้ทุกข้อกล่าวหา และขอให้มามอบตัวโดยเร็วที่สุด เราพร้อมให้ความเป็นธรรม ขอให้เข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม” โฆษก ตร. กล่าว

อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังมีความพยายามในการตามจับกุมนายนพพรมาดำเนินคดี โดยมีการประสานไปยังหน่วยตำรวจสากลเพื่อช่วยจับกุมแล้ว ก่อนนี้นายนพพรเคยติดต่อจะมอบตัวที่ตำรวจก่อนหายตัวไป
กำลังโหลดความคิดเห็น