“ประวุฒิ” เรียกประชุม ผกก.-ผบก.สอบสวนกลาง ปลุกขวัญ สั่งการ 1 เดือนทำงานกู้ชื่อเสียงหน่วย ขู่เด้งหากทำงานไม่เข้าเป้า สั่งเด้งด่วน 3 ผกก.ตำรวจน้ำสอบส่วย เผยสามผู้ต้องหาตระกูล “อัครพงศ์ปรีชา” ถอดยศ ปลดตำแหน่งองครักษ์เรียบร้อย ชงถอดยศตำรวจที่เกี่ยวข้องกับก๊วน “พงศ์พัฒน์” แล้ว
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เรียกประชุมตำรวจจากทุกกองบังคับการในสังกัด บช.ก.ตั้งแต่ระดับผู้กำกับการ (ผกก.) ขึ้นไปถึงผู้บังคับการ (ผบก.) เข้าร่วมประมาณ 160 นาย เป็นครั้งแรกภายหลัง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และนายตำรวจระดับสูงในสอบสวนกลาง อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีในข้อหาแอบอ้างสถาบันฯ แสวงหาผลประโยชน์มิชอบ เรียกรับส่วย โดยบรรยากาศการประชุมไม่เคร่งเครียด
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวภายหลังประชุมว่า ได้พูดเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกรณีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก.ในที่ประชุมด้วย แต่ไม่ได้แจงในรายละเอียดการดำเนินคดี โดยได้ย้ำว่าหลังจากนี้ไป บช.ก.ต้องทำงานเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของหน่วยสอบสวนกลางกลับคืนมา เคยมีชื่อเสียงในอดีตที่กองปราบปรามมีชื่อจับกุมทำคดีที่ไม่มีใครทำได้มาตลอด แต่หลังๆ ผ่อนลงไป จากนี้ไปให้ทุกกองบังคับการไปเขียนแอ็กชันแพลนในระยะเวลา 1 เดือนภายในเดือนธันวาคมนี้ว่าจะทำอะไรบ้างในด้านการดำเนินการจับกุม ป้องปราบ คืนความสุขให้ประชาชนซึ่ง บช.ก.ไม่ได้ทำในระยะที่ผ่านมา ทั้งนี้ อีก 1 เดือนจากนี้ให้สื่อมวลชนคอยสังเกตผลงานของทุกกองบังคับการซึ่งจะมีผลในการปรับย้าย หากทำงานในช่วงนี้ทำงานไม่สำเร็จจะมีปัญหาในตำแหน่งที่ท่านอยู่ จะมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อความเหมาะสม
“ได้พูดในที่ประชุมถึงขวัญกำลังใจ คนที่ทำงานดีอยู่แล้วไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ถูกต้อง ก็ทำงานต่อไป ไม่มีใครไปยุ่งหากทำดี เรื่องของรายชื่อส่วยนั้นก็ย้ำว่าไม่ได้ดำเนินการทุกคนที่มีชื่อ ต้องตรวจสอบที่มาที่ไป บางทีชื่อคล้าย ย้ำว่าไม่ได้กวาดทั้งหมด ต้องตรวจสอบก่อน เพราะเอกสารรายชื่อจ่ายส่วยได้มาจากผู้กระทำผิดที่อาจมีความคลาดเคลื่อน มีการรับแทน อ้างชื่อ ทั้งนี้จะดำเนินการกับใครต้องมีหลักฐานชัดเจนว่ามีการส่งเงิน ย้ำไปว่าไม่ต้องกังวลซึ่งทุกคนเข้าใจ บรรยากาศดีขึ้น” รรท.ผบช.ก.กล่าว และว่าจากนี้ไปสั่งการให้ทุกหน่วยทำตามหน้าที่ ตนยกเลิกชุดเฉพาะกิจใน บช.ก.ทั้งหมดไปแล้ว ให้ทำตามหน้าที่ของหน่วยตามกฎหมาย และจะวัดผลรายสัปดาห์ตามแอ็กชันแพลนที่เสนอมา โดยจะติดตามการทำงานการปราบปรามมือปืนรับจ้าง การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น แก๊งรัสเซีย แก๊งโคลอมเบีย แก๊งเอทีเอ็ม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งค้าทรัพยากรธรรมชาติ ค้าน้ำมันเถื่อน ทั้งหมด บช.ก.ต้องทำ ต้องดำเนินการ โดยให้ประชาชนแจ้งเบาะแสมาได้ผ่านสายด่วน 1599 การประชุมวันนี้มีกันพร้อมเพรียงเว้นแต่ผู้ที่มีภารกิจสำคัญไม่ได้เข้าร่วม
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวถึงรายชื่อตำรวจเกี่ยวข้องกับส่วยน้ำมันเถื่อน ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ออกมาเปิดเผยว่า ตนรับมาและได้ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตรวจสอบแล้วว่า ผกก. รองสารวัตร หมวด ที่กล่าวอ้างคือใคร มีความเชื่อมโยงระดับไหน โดยมีผู้ที่รับสารภาพไปแล้วบางคนยังต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติม วันนี้ตนได้มีคำสั่งให้ตำรวจน้ำระดับ พ.ต.อ.มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจสอบสวนกลาง 3 นาย เพื่อเปิดโอกาสให้การตรวจสอบกรณีส่วยน้ำมันเถื่อนเป็นไปอย่างโปร่งใส โดยได้มีคำสั่ง บช.ก.ที่ 266/2557 ให้ พ.ต.อ.วริศร์ศิริภ์สิริภ์ ลีละสิริ ผู้กำกับการ 5 ตำรวจน้ำ (รับผิดชอบภาคตะวันออก) พ.ต.อ.สมชาติ หรือธนชาติ ศุภวุฒิ ผู้กำกับการ 7 ตำรวจน้ำ (รับผิดชอบภาคใต้ตอนล่าง) และ พ.ต.อ.จักรพันธุ์ รัตนเทวมาตย์ ผู้บังคับการเรือ (สบ 4) กลุ่มงานเรือตรวจการณ์ จังหวัดชลบุรี ช่วยราชการ ศปก.บช.ก.โดยขาดจากตำแหน่งเดิม จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยให้รายงานตัวที่ ศปก.บช.ก.ตั้งแต่ 09.00 น.วันนี้ ทั้งนี้ ไม่ได้บอกว่าเป็นคนผิด แต่เพื่อให้มีการตรวจสอบเรื่องการจ่ายส่วยน้ำมันเถื่อนในทะเล นอกจากตำรวจน้ำตนยังไม่เห็นชื่อของหน่วยอื่นเกี่ยวข้อง แต่มีรายชื่อที่ ผบ.ตร.ให้มา มีหลายหน่วย แทบทุกหน่วยในพื้นที่ แต่ต้องตรวจสอบเสียก่อนเพราะหลายครั้งเจอโพยในพื้นที่ระบุรายชื่อ แต่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ทั้งนี้มีส่วนที่ตรงความจริง มีคนรับสารภาพแล้วและสอดคล้องกับที่ ผบ.ตร.ออกมาเปิดเผย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พ.ต.ต.ชาตรี รุ่งดำรงค์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 1 ตำรวจทางหลวง สถานีตำรวจทางหลวงประตูน้ำพระอินทร์ จ.พระนครศรีอยุธยา ลาออกกะทันหันเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา เกี่ยวข้องกับกรณี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์หรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ตนขอเรียนว่าเกี่ยว เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถรับราชการได้ในสถานการณ์นี้จึงขอลาออกก่อน หากขวัญและกำลังใจดีคงกลับมาใหม่ก็เป็นเรื่องของเขา เบื้องต้นไม่ผิดอะไร จึงใช้วิธีลาออกเพื่อไปใช้ชีวิตทำงานอย่างอื่น เรียนว่าผู้ที่กระทำและผู้ที่เกี่ยวข้องบางรายไม่สบายใจ ถูกกล่าวหาถูกมองในทางไม่ดีจึงคิดว่าลาออกดีกว่า ก็เป็นความคิดส่วนตัว การลาออกเป็นเหตุผลส่วนตัว ตนคงชี้ชัดไม่ได้ แต่เบื้องต้นไม่มีหลักฐานอะไรชี้ว่าเขากระทำผิด แต่เขาเลือกวิธีนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัว สอบถามแล้วทราบว่าเป็นความสมัครใจ
เมื่อถามถึงการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า กรณีกลุ่มผู้ต้องหา 5 รายที่ถูกออกหมายจับและนำตัวฝากขังวันนี้นั้น นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา เดิมมียศ ว่าที่ พ.ต. แต่ในขณะจับกุมได้รับแจ้งจากผู้บังคับบัญชาว่ามีการถอดยศและปลดจากการเป็นนายทหารราชองครักษ์แล้ว คำสั่งอยู่ในมือตน ส่วนนายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา ก็มีคำสั่งถอดยศ จ.ส.อ.แล้วเช่นกัน ขณะที่นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา ข้าราชการในสำนักพระราชวัง ก็มีการปลดออกเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ตามคำสั่งของนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา โดยทั้ง 3 คนเคยเป็นข้าราชการ เคยมียศ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ถูกปลดไล่ออกแล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตำรวจที่ถูกดำเนินคดีในขบวนการนี้อยู่ระกว่างดำเนินการถอดยศเช่นกัน โดยตนจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้ง
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวด้วยว่า ล่าสุดวันนี้พนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ได้ขอนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย เป็นพลเรือนทั้งหมด มีพฤติการณ์ตั้งแก๊งทวงหนี้ ข่มขู่ ขูดรีด โดยแอบอ้างสถาบันฯ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องเป็นเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ทำหน้าที่ทวงหนี้ให้