รมว.ยุติธรรมสั่งดีเอสไอที่รับผิดชอบคดีน้ำมันเถื่อนส่งข้อมูลให้ สตช.เร่งตรวจสอบรายชื่อตามโพย จนท.ดีเอสไอเอี่ยวรับส่วย 3 ราย-เชื่อมโยงขบวนการเดียวกับ “พงศ์พัฒน์” หรือไม่
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการดำเนินการกับกลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อนที่มีความเชื่อมโยงกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ว่าได้สั่งการให้นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานในสังกัดดีเอสไอที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ที่รับผิดชอบคดีที่เกี่ยวข้องกับการค้าน้ำมันเถื่อนว่ามีความเชื่อมโยงกับการกระทำผิดของกลุ่ม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.และพวกหรือไม่ เพื่อประสานข้อมูลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะดีเอสไอมีเจ้าหน้าที่ทำงานในพื้นที่ดังนั้นต้องมีข้อมูล โดยให้ไปดูทั้งระบบ หากพบหลักฐานว่ามีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอร่วมรับสินบนจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที ขณะนี้มีการรายงานเบื้องต้นมาแล้วเชื่อว่าเร็วๆ นี้จะเห็นผลการทำงานร่วมกันในการเอาผิดต่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ หากพบหลักฐานชัดเจนในการกระทำผิดก็สามารถเอาผิดย้อนหลังได้ทั้งหมด
สำหรับกรณีการสอบสวนคดีความผิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวกนั้น ยังเป็นหน้าที่ของ สตช.รับผิดชอบ ตนได้หารือกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. แล้ว นอกจากนี้ ตนได้สั่งการให้ดีเอสไอและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สนับสนุนการทำงานตามอำนาจหน้าที่อย่างเต็มที่
ด้านนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ เผยว่า ได้ลงนามคำสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีมีข้อมูลระบุถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไออย่างน้อย 3 คนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายรับส่วยจากนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ นักธุรกิจภาคใต้ ที่เชื่อมโยงเรื่องสินบนกลุ่ม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. เบื้องต้นให้ตรวจสอบว่า ข้อมูลเป็นชื่อเล่นว่าเป็นบุคคลใดกันแน่ และในช่วงเวลาที่ระบุถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่มีรายชื่อได้รับมอบหมายจากกรมให้ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ ทั้งนี้ หากพบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เกี่ยวข้องกับการรับส่วย หรือเครือข่ายอดีต ผบช.ก. ดีเอสไอจะดำเนินการตามระเบียบราชการต่อไป หากการสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีมูลก็จะนำไปสู่การตั้งกรรมการสอบวินัยต่อไป โดยสั่งการให้เร่งสอบข้อเท็จจริงให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว เพื่อความโปร่งใสและให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหาด้วย และเนื่องจากกรณีนี้ เป็นคดีสำคัญที่ สังคมติดตามและให้ความสนใจ ดีเอสไอจึงยิ่งต้องพิสูจน์ให้โปร่งใส สำหรับพฤติกรรมที่ถูกกล่าวหา คือ มีการเรียกรับผลประโยชน์ แต่ต้องให้ความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาดีเอสไอถูกนำไปแอบอ้างเรียกรับผลประโยชน์ในบางกรณี อย่างไรก็ตาม คดีของอดีต ผบช.ก.และเครือข่าย ตำรวจได้ดำเนินการมาแล้วตั้งแต่ต้น ดีเอสไอจึงมีหน้าที่เพียงสนับสนุนข้อมูลทีเกี่ยวข้องเพื่อเสริมการทำงาน