xs
xsm
sm
md
lg

ตั้งคณะพนักงานสอบสวนจัดการของกลางเครือข่าย “พงศ์พัฒน์” ย้ำตำรวจ บช.ก.ไม่ต้องหวั่นไหวหากไม่เกี่ยวข้อง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)
โฆษก ตร.เผยเตรียมตั้งคณะพนักงานสอบสวนจัดการของกลางที่ยึดจากเครือข่าย “พงศ์พัฒน์” ยันยังไม่ออกหมายจับใครเพิ่ม ย้ำตำรวจ บช.ก.ไม่ต้องหวั่นไหวหากไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ด้านผู้ต้องหาชุดที่ 2 อีก 5 คนขอฝากขังพรุ่งนี้

วันนี้ (27 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรักษาราชการแทน ผบช.ก. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีจับกุมเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ว่าขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับใครเพิ่มเติม โดยในช่วง 1-2 วันนี้เป็นเพียงการรวบรวมของกลาง เช่น ไม้แปรรูป วัตถุโบราณขนาดใหญ่ สิ่งของที่มีมูลค่าประเภททองคำขาว พระเครื่อง ที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะตั้งคณะพนักงานสอบสวน 1 ชุด เพื่อดำเนินการเรื่องของกลางโดยเฉพาะซึ่งมีเกือบ 20,000 ชิ้น โดยทรัพย์สินที่เป็นวัตถุโบราณจะส่งให้กรมศิลปากรตรวจสอบความถูกต้อง ส่วนทรัพย์สินที่เป็นไม้แปรรูปจะส่งมอบให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้

“เชื่อว่ายังมีทรัพย์สินอีกจำนวนมากซุกซ่อนไว้ในหลายจุด แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบหลักฐาน ว่ามีการเคลื่อนย้ายหรือเก็บทรัพย์สินในต่างประเทศ แต่ยืนยันว่าในเมืองไทยยังมีอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผล อย่างไรก็ตาม ทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดในขณะนี้จะมีการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง และเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอเพื่อหาความเชื่อมโยงว่ายังมีบุคคลใดที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้อีกหรือไม่”

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า สำหรับการดำเนินคดีต่อนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา นายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ และนายชากานต์ ภาคภูมิ ผู้ต้องหากลุ่มล่าสุดที่ถูกจับกุมได้ในคดีนี้ เบื้องต้นพบว่าทั้งหมดมีพฤติกรรมในการบังคับข่มขู่ ทวงหนี้ หน่วงเหนี่ยวกักขัง และกรรโชกทรัพย์ เพื่อหาประโยชน์โดยมิชอบ และพนักงานสอบสวนจะควบคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขังวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ส่วนการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมนั้น ยังไม่มีการออกหมายจับใครเพิ่ม อีกทั้งกระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ มีนายตำรวจระดับสูงประกอบไปด้วย 3 นายพล 2 นายพันเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ขอยืนยันว่ายังไม่มี

“ตำรวจที่ดีในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมีอยู่ มีไม่กี่คนที่มีปัญหา ยืนยันว่าขวัญและกำลังใจของตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางยังดีอยู่ โดยจะเรียกประชุมเพื่อชี้แจงและมอบนโยบายหลายเรื่อง อาทิ การประพฤติตนจากนี้ไปซึ่งไม่เกี่ยวกับการดำเนินคดีหรือจ้องจับผิด และหากตำรวจนายใดที่ทำหน้าที่ด้วยความสุจริตก็ไม่จำเป็นต้องหวั่นไหวกับคดีที่เกิดขึ้น เพราะใครผิดก็ว่าไปตามผิด”

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า คดีนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ได้สั่งการให้สืบสวนสอบสวนในทุกประเด็น ทั้งเรื่องของการทุจริตซื้อขายตำแหน่ง ทุจริตเรื่องน้ำมัน โดยให้ทีมสืบสวนเจาะทุกประเด็นในเชิงลึกว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง และให้ดำเนินการทั้งหมดตามที่หลักฐานสาวไปถึง แต่ถ้าหากเป็นตำรวจแต่หลักฐานไม่ถึง หากดำเนินการทางวินัยได้ก็จะทำ แต่เบื้องต้นยังไม่พบข้อมูล

ที่ บช.น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 คนได้ระบุความผิดฐานร่วมกันข่มขืนใจ ทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือเสรีภาพโดยมีอาวุธ และกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง หรือกระทำประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการให้ ให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น และร่วมลักทรัพย์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ สน.พระโขนง

โดยเมื่อประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน มีผู้เสียหายมาแจ้งความที่ สน.พระโขนง ว่าได้ร่วมทำธุรกิจกับผู้ต้องหาแต่ขัดผลประโยชน์กัน ผู้ต้องหาจึงอุ้มตัวผู้เสียหายไปกักตัว เพื่อขมขู่และรีดทรัพย์หลายล้านบาท

“เบื้องต้นสอบสวนนายสุทธิศักดิ์ และนายชากานต์แล้ว คาดว่า สน.พระโขนง จะขนย้ายผู้ต้องหามาสอบสวนเพิ่มเติมที่ บช.น. ส่วนจะเชื่อมโยงกับอตีต ผบช.ก.หรือไม่ ต้องรอให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ตั้งหัวหน้าคณะชุดสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป”


กำลังโหลดความคิดเห็น