xs
xsm
sm
md
lg

เปิดขุมทรัพย์ “พงศ์พัฒน์” ซุกตู้เซฟใต้ดิน สร้างห้องนิรภัยเก็บวัตถุโบราณ ตามยึดรถหรู

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


สตช.แถลงจับก๊วน “พงศ์พัฒน์” จากการตรวจค้น 15 จุด ยึดทรัพย์มหาศาล ซุกตู้เซฟฝังดิน ปิดบังอำพรางไว้ที่บ้านยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จย่านปากเกร็ด อีกทั้งยังพบวัตถุโบราณหายาก-พระเครื่องล้ำมูลค่า ตามยึดรถยนต์-จยย.หรูอีกหลายสิบคัน ยันการจับกุมไม่ได้สร้างภาพหรือยัดเยียดกลั่นแกล้ง ยันคดีนี้สำคัญ ละเอียดอ่อน ขอไม่เปิดเผยรายละเอียดเชิงลึก



วันนี้ (25 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.45 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.) รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) พล.ต.ต.ประสพโชค พร้อมมูล ผบก.ปทส. และพ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รองผู้บังคับการกองปราบปราม รักษาราชการแทน ผบก.ป. ร่วมกันแถลงข่าวกรณีการจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และพล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก.พร้อมพวกรวม 10 คน

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สาเหตุที่ออกมาแถลงคดีนี้เพราะเรื่องนี้เป็นที่สนใจของประชาชน หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ร่วมกันปฏิบัติการภายใต้กฎอัยการศึก คดีนี้เป็นคดีสำคัญ มีความละเอียดอ่อน จึงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกได้ จึงต้องเรียนสื่อมวลชนด้วยว่าไม่สามารถตอบคำถามในรายละเอียดได้

ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า สำหรับคดีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวกประพฤติตนไม่เหมาะสม แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบหลายประการ จึงได้สืบสวนทางลับพบว่ามีมูล ต่อมาในวันที่ 11 พ.ย. 57 ผบ.ตร. จึงได้ออกคำสั่งให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก.มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.โดยขาดจากตำแหน่งเดิม และวันที่ 14 พ.ย. 57 ได้ออกคำสั่งให้ พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ ผบก.ป.ปฏิบัติราชการศปก.ตร. และ พ.ต.อ.อัครวุฒิ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 ป.มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.โดยขาดจากตำแหน่งเดิม ทั้งนี้ เมื่อทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพอมีมูลเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง พล.ต.อ.สมยศได้รายงานให้รัฐบาลรับทราบและรัฐบาลได้มีคำสั่งให้สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายทหาร โดย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ.ได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 1 จัดหน่วยเข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ และได้ทำการตรวจค้นสถานที่ที่สืบสวนแล้วพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ เครือข่ายจำนวน 15 แห่ง ตรวจยึดทรัพย์สินที่สามารถประเมินราคาได้มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ขณะที่ต่อมาวันที่ 22 พ.ย. พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญาและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับมอบตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์กับพวกรวม 10 คน

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า สำหรับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ทำผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใด มอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง หรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, จัดให้เล่นการพนัน (ถั่วครอบ) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 12 (1) และความผิดฐาน ฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (5), (9) มาตรา 5 (1), (2) และมาตรา 60 สำหรับ พล.ต.ต.โกวิทย์ ผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใด มอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา149 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จัดให้เล่นการพนัน (ถั่วครอบ) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 12 (1) และ ความผิดฐาน ฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (5), (9) มาตรา 5 (1), (2) และมาตรา 60

ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า สำหรับ พล.ต.ต.บุญสืบ ผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดฐาน ฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (5), (9) มาตรา 5 (1), (2) และมาตรา 60 ส่วน พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีต ผกก.4 ป. ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใด มอบให้หรือหามาให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า สำหรับ พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล ผิดฐานร่วมกันบุกรุก ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่าหรือทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันปลูกสร้างฝาย ล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำ ของแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 55, 72 ตรี และพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 117 ส่วน ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา อดีต ผบ.หมู่ สปพ.บก.ป.ฐาน เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใด มอบให้หรือหามาให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วน ด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง ฐาน เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใด มอบให้หรือหามาให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า สำหรับนางสวงค์ มุ่งเที่ยง ผิดฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มาตรา 19 และ 47 ขณะที่นายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช ฐาน ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มาตรา 19 และ 47 และนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ผิดฐานร่วมกันบุกรุก ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่าหรือทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันปลูกสร้างฝาย ล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำ ของแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 และพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 117

สำหรับผู้ต้องหาลำดับ ที่ 1-8 ตำรวจได้รับมอบตัวเมื่อวันที่ 22 พ.ย. เวลา 20.00 น. จากการควบคุมของทหาร ภายใต้กฎอัยการศึก ต่อมาวันที่ 23 พ.ย. ศาลได้อนุมัติหมายจับ นายชอบ ชินนะประภา และนางปิยพรรณ ชินนะประภา ฐาน ร่วมกันฟอกเงิน และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 24 พ.ย. และจับกุมนายเริงศักดิ์ ได้ที่ อ.เมือง จ.เชียงราย ในความผิดฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และนางสุดาทิพย์ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุก ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่าหรือทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 และร่วมกันปลูกสร้างฝาย ล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำ ของแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 117 โดย พ.ต.อ.โกวิท และนางสุดาทิพย์ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ในวันที่ 24 พ.ย. 2557

ขณะที่ พ.ต.อ.อัคราเดช หัวหน้าชุดในการนำค้นและตรวจยึดพยานหลักฐานทั้งหมด แถลงรายละเอียดการตรวจยึดของกลางในเครือข่ายการกระทำผิดของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพวก โดยมีการเปิดภาพวีดิทัศน์ ประกอบการแถลงด้วย โดย พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า การตรวจค้นทั้งหมดมี 15 จุด เป็นของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ 11 จุด พล.ต.ต.โกวิทย์ 1 จุด พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 ป.ที่เสียชีวิตไปแล้ว 1 จุด และที่เหลือเป็นของเครือข่าย โดยในส่วนของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ 11 จุดประกอบด้วย 1. บ้านเลขที่ 28/511 ถนนแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 34 ถนนบางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี (สถาบันกิจการตำรวจสมัยใหม่ 4 ชั้น) 2. บ้านเลขที่ 28/164 ซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 34 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 3. บ้านเลขที่ 26/1 และ26/2 ตำบลปลายบาง อ.บางกรวย จ.นนทบรี 4. บ้านเลขที่ 59/18 ซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 36 ตำบลคลองเกลือ อ.ปากเกร็ด 5. ร้านสวงค์ เลขที่ 16/5 และโกดังเลขที่ 16/21 หมู่2 ถนนแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด 6. บ้านเลขที่ 30/3หมู่14 ตำบลบางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี 7. บ้านเลขที่ 28/311 หมู่บ้านสวัสดิการทหารบก ซอย5/1 หมู่4 ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด 8. บ้านเลขที่ 172 ถนนบอนด์สตรีท ต.บางพูด อ.บางเกร็ด 9. อาคารกำลังก่อสร้าง ตั้งอยู่ใกล้บ้านเลขที่ 28/511 ถนนแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 34 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด 10. บ้านเลขที่ 99 หมู่ที่ 6 ต.บางพูด อ.เมือง จ.ปทุมธานี และ 11. กรีนพอยท์ คอนโด ชั้นล่างห้อง 62 แขวงและเขตประชาชื่น กทม.

รรท.ผบก.ป.กล่าวว่า ในการตรวจค้นมีการตรวจยึดทรัพย์สิ่งของจำนวนมาก พบลักษณะตู้เซฟมีการซุกซ่อนไว้อย่างดี ตู้เซฟมีการฝังดิน ปิดบังอำพรางตู้เซฟไว้ที่บ้านซึ่งยังก่อสร้างไม่เสร็จ มีการพรางให้เห็นว่าจุดนั้นไม่น่าสนใจ ทางเจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์เปิดเพื่อให้เห็นทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล มีการฝังใต้พื้นบ้าน พื้นซีเมนต์ ติดตั้งเซฟ โบกปูนทับ มีตู้นิรภัย ห้องนิรภัยติดตั้งลูกกรงเหล็กไว้อย่างดีเพื่อไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สิน เช่น ที่อาคารสถาบันตำรวจสมัยใหม่ มีการทำห้องนิรภัยประตูเหล็กแน่นหนา บางจุดต้องใช้รถแบ็กโฮขุดทำลายเพื่อเปิดเซฟ ตู้นิรภัยที่เก็บไว้ในบ้านบางหลัง อำพรางในตู้ไม้ธรรมดา โดยจากการตรวจค้นพบวัตถุโบราณหายาก ล้ำค่า ต้องเชิญเจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากรร่วมตรวจสอบถึงมูลค่าและที่มาที่ไป ยกตัวอย่าง มีงาช้างที่มีมูลค่ามหาศาล พระเครื่อง พระพุทธรูปบูชา ล้วนเป็นศิลปะเก่าแก่จำนวนมาก ภาพเขียนหายาก พบทั้งเงินสดธนบัตรไทยและต่างประเทศ แสตมป์ทองคำหายากมูลค่าราคาสูงมาก มีเพียงไม่กี่ชิ้นในประเทศไทย ทั้งหมดอยู่ในเซฟ มีเครื่องเพชร พลอย เครื่องประดับ รวมทั้งเครื่องเงิน เครื่องลายคราม เฟอร์นิเจอร์มุก ทั้งหมดอยู่ในที่พักของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ หลังตรวจยึดมีการบรรจุในกล่องพลาสติกเซ็นกำกับ และติดตั้งกล้องซีซีทีวีเพื่อควบคุมเก็บรักษาอย่างดี โดยของกลางทั้งหมดเก็บอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้ยังมียานพาหนะรถราคาสูงต่างๆ ยึดไว้ได้มากมายมหาศาล

“สำหรับ พล.ต.ต.โกวิทย์ เปรียบเสมือนขุนพลคู่ใจของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ได้ตรวจค้น 1 จุด ที่เพนต์เฮาส์แห่งหนึ่งย่านถนนมหาดเล็กหลวง เปิดตู้เซฟพบพระเครื่องมูลค่ามหาศาล นอกจากนี้ยังมีรถหรูอีกหลายคัน ส่วนการค้นบ้าน พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ ที่เปรียบเสมือนมือขวา เป็นกุนซือของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ในเรื่องทรัพย์สินเงินทอง การวางตำแหน่งต่างๆ หรือการออกความเห็นในเรื่องของแผนการต่างๆ เป็นเหมือนเสนาธิการคู่กาย ได้ค้นพบทรัพย์สินจำนวนมากทั้งทองรูปพรรณ พระเครื่อง เครื่องเพชร โฉนดที่ดิน รถยนต์ และจักรยานยนต์ราคาสูง เช่น ยี่ห้อฮาร์เลย์, ดูคาติ รวมมูลค่าจำนวนมาก จากการตรวจค้น 15 จุด ทั้ง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และบริวารซึ่งยังไม่หมด เช้าวันนี้ก็มีการตรวจค้นเพิ่มเติมอีกและยังพบของกลางอีกจำนวนมาก โดยนำเสนอเป็นชาร์ตเครือข่ายซึ่งเห็นได้ว่ามีการทำงานเป็นแก๊งชาร์ต มี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์เป็นคนมอนิเตอร์สั่งการ มี พล.ต.ต.โกวิทย์ และพ.ต.อ.อัครวุฒิ์ เป็นคนสำคัญในการแสวงหาประโยชน์” รรท.ผบก.ป.กล่าว

ด้าน พล.ต.อ.สมยศกล่าวอีกว่า ทั้งหมดคือสิ่งที่ตำรวจได้ดำเนินการ รวบรวมข้อมูลและความเชื่อมโยงต่างๆ ของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์กับพวก ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เอามานำเสนอ ไขข้อข้องใจ ว่าไม่ได้เป็นการสร้างภาพ หรือทำขึ้นเพื่อยัดเยียดกลั่นแกล้ง เหล่านี้คือหลักฐานยืนยันว่าทั้งหมดร่วมกันกระทำผิด ยังมีอีกหลายส่วนที่ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้เนื่องจากเชื่อมโยงกับบุคคลอื่น ซึ่งกำลังสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ซึ่งจากพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุที่เราพบเชื่อว่ายังมีทรัพย์สินซุกซ่อนไว้อีก ทั้งนี้จากการสอบปากคำ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวก รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อมูลการกระทำผิดของเครือข่ายนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ผบ.ตร.กล่าวว่า พอสมควร โดยได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการตำรวจว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย มีการเรียกรับผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งทรัพย์สิน เงินทอง วัตถุสิ่งของต่างๆ มีการร้องทุกข์ ร้องเรียนเข้ามาเป็นระยะ มีทั้งร้องเรียนมาที่ตน นายกรัฐมนตรีและที่อื่นๆ ซึ่งทั้ง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พล.ต.ต.โกวิทย์ และพล.ต.ต.บุญสืบ ถูกร้องเรียนทั้ง 3 คน เมื่อถามว่าเรื่องการซื้อขายตำแหน่งจะมีการสาวไปถึงคนที่ซื้อตำแหน่งหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า เราก็มีรายละเอียด อย่างที่บอกว่าวันนี้ตนและทีมงานสามารถตอบคำถามเท่าที่ตอบได้ เพราะจะเชื่อมโยงไปที่บุคคลอื่น ซึ่งเกี่ยวข้องทั้งผู้ที่เสนอผลประโยชน์ เพื่อที่ตัวเองจะได้รับผลประโยชน์ เพราฉะนั้นเราต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน ถ้าเกี่ยวโยงหรือเชื่อมโยงกับใครต้องดำเนินการแก้ไขปัญหา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังมีตำรวจเกี่ยวข้องกับคดีนี้อีกหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า มีครับ ทุกระดับหากพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงใคร ก็ดำเนินการโดยไม่ละเว้น โดยจากการสืบทราบก็อยู่ในขบวนการเดียวกันทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่าในคดีหมิ่นฯ นั้นหมิ่นอย่างไร พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เป็นไปตามที่แจกข่าวว่าบุคคลทั้งหมดว่าใครแอบอ้างหรือกล่าวอ้างบ้าง ซึ่งนำไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์ทุกรูปแบบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งโยกย้าย บ่อนการพนัน น้ำมันเถื่อน หรืออะไรก็แล้วแต่ เป็นการแอบอ้าง ส่วนกรณีผู้ต้องหาที่บุกรุกป่านั้น ก่อเหตุบุกรุกในพื้นที่ จ.ราชบุรี เพื่อธุรกิจ ซึ่งมีความเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากทรัพย์สินที่ยึดได้คาดว่ามีการทำผิดมากี่ปีแล้ว ผบ.ตร.กล่าวว่า หลายปีแต่นานแค่ไหนคงระบุไม่ได้ พฤติการณ์การซ่อนทรัพย์สินอย่างมิดชิดไม่ปกตินั้น คงเป็นความชอบส่วนตัวและเป็นการฟอกเงิน

เมื่อถามว่าที่มีการระบุว่าซื้อขายตำแหน่ง 3-5 ล้านบาท นั้นเป็นตำแหน่งระดับใด จำนวนกี่ราย พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เรื่องจำนวนไม่ยืนยัน เรื่องการแต่งตั้งมีหลายระดับ ซึ่งล้วนอยู่ในขอบเขตอำนาจของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ที่สามารถกระทำได้

ถามว่าของกลางที่ยึดจาก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ นั้นเชื่อว่ามีการยักยอกมาจากของกลางในคดีที่จับกุมสมัยดำรงตำแหน่งบ้างหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า เงินที่ได้มาเป็นเงินที่ไม่ถูกต้อง มาจากเปิดบ่อนการพนัน วิ่งเต้นโยกย้ายซื้อขายตำแหน่ง และเกี่ยวกับน้ำมันเถื่อนเป็นหลัก ส่วนอื่นๆอยู่ระห่างการสืบสวนสอบสวน ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับบุคคลอื่นซึ่งเราขอไม่เปิดเผย

ถามว่าบ่อนการพนันที่ระบุว่าเปิดนั้นปิดไปหรือยัง ผบ.ตร.กล่าวว่า บ่อนการพนันในอดีตที่ผ่านมา ถามว่า หมายถึงบ่อนการพนันย่านพระราม 9 หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า มีการเปิดทั่วประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาที่ทำเป็นขบวนการใหญ่ขนาดนี้ เหตุใดผู้บังคับบัญชาในอดีตไม่ระแคะระคาย พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า “ผมไม่ทราบนะครับ ผู้บังคับบัญชาในอดีตท่านคิดอย่างไร แต่ในสมัยผม ใหญ่แค่ไหนก็จับ”

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าบ่อนการพนันทั่วประเทศส่งส่วยมาที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ผบ.ตร.กล่าวว่า ในอดีตใครก็ทราบว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์มีอำนาจแค่ไหน แหล่งผลประโยชน์ที่ผิดกฎหมาย ต้องส่งหรือจ่ายมายัง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์กับพวก ในอดีตผู้บังคับบัญชาจะรู้หรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ไม่มีการดำเนินการ แต่ในยุคตนเป็น ผบ.ตร.จะไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพื่อวางมาตรฐานให้ ผบ.ตร.ต่อจากตนยึดเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ วางกรอบสร้างคุณธรรม ธรรมาภิบาลขึ้นใหม่ใน บช.ก.

เมื่อถามว่า ผลประโยชน์ที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์เรียกรับ แอบอ้างเบื้องสูงทั้งหมด ผบ.ตร.กล่าวว่า ขออนุญาตไม่ตอบ ถามว่ามีเงินหรือผลประโยชน์ต่อเดือนถึง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เท่าไหร่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้จริงๆ แต่อย่างที่แจ้งแต่ต้น จากทุกหน่วยที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์รับผิดชอบ ไปพิจารณาดูว่ามีหน่วยไหนบ้างที่เรียกรับส่งผลประโยชน์ถึงได้

เมื่อถามว่าในเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์นั้น นอกจากตำรวจแล้วยังมีนักการเมืองและทหารเกี่ยวข้องหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ต้องสืบสวนสอบสวนต่อไป ยังตอบไม่ได้จริง พูดไปอาจไม่ถูกต้อง ส่วนจะมีหมายจับใครเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ยังต้องรอก่อน อย่างไรก็ตามขณะนี้ มีการนำตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์สอบสวนเพิ่มเติม ส่วนคนอื่นฝากขังไปแล้ว

ด้าน พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 กล่าวชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผกก.1 บก.ป. คดีนี้พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ได้รับแจ้งเหตุเมื่อวันที่ 20 พ.ย. ว่ามีการเสียชีวิตที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า พนักงานสอบสวนพร้อมด้วยแพทย์จึงได้ทำการชันสูตรพลิกศพ และได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร ผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุ สรุปสาเหตุการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ ว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติโดยการฆ่าตัวตาย ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทางอาญา และไม่อยู่ในการควบคุมของเจ้าพนักงาน ขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ได้สรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการไปแล้ว เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ส่วนรายละเอียดต่างๆ ในคดีนอกจากนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะจะเป็นการก้าวล่วงอำนาจของพนักงานอัยการ

กำลังโหลดความคิดเห็น