xs
xsm
sm
md
lg

2 นายพลตำรวจฉาวพัวพันอภิมหาบ่อน “พระราม 9-รัชดา” ขุมทรัพย์ใหญ่เบื้องหลังรวยมหาศาล

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


บ่อนพระราม 9 หรือบ่อนโคลอนเซ่ จึงถือเป็นขุมทรัพย์ของตำรวจใหญ่และนักการเมืองในช่วงนั้น และเป็นที่มาของข่าวปล่อยแอบอ้างถึงบุคคลสำคัญเพื่อไม่ให้ใครกล้าเข้ามายุ่ง

ในตำนานบ่อนเมืองหลวง หากเอ่ยชื่อ “บ่อนพระราม 9” หรือ “บ่อนโคลอนเซ่” ไม่มีเซียนพนันคนไหนไม่รู้จัก เพราะอภิมหาบ่อนแห่งนี้ถือว่าหรูหราทันสมัย และใหญ่โตที่สุดเท่าที่เคยมีกาสิโนเกิดขึ้นในประเทศไทย ความยิ่งใหญ่อลังการนั้นแน่นอนว่าหากไม่แน่จริงไม่ใหญ่จริงรับรองไม่มีวันเกิดขึ้นได้ และเบื้องหน้าเบื้องหลังอภิมหาบ่อนพระราม 9 ที่ถูกปิดตายในปี 2554 ยังคงมีเรื่องราวต่างๆ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังชวนติดตามเป็นอย่างยิ่ง

บ่อนแห่งนี้เกิดจากแนวคิดของ “พล.ต.ต. (ก.)” นายตำรวจคนหนึ่งที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงพนัน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ่อน นักเล่นขาใหญ่หรือกระทั่งนักธุรกิจที่มีรสนิยมชื่นชอบการได้เสียต้องเคยสัมผัสกับเขา จากที่เคยแนะนำให้พรรคพวกเปิดบ่อนพนันและคอยเก็บค่าคุ้มครอง “พล.ต.ต.(ก.)” อาศัยจังหวะที่เพื่อนคนสนิทอยู่ในช่วงขาขึ้นของอำนาจ นอกจากจะเป็นหน่วยงานอำนาจล้นมือแบบครอบจักรวาลแล้วยังมีตัวเชื่อมไปยังนักการเมืองคนสำคัญยุคพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลโดยการบริหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ยากเย็นนักที่จะหาตัวเชื่อมประสานให้ข้อมูลอันเป็นเท็จเมื่อถูกสอบถาม นักการเมืองคนนั้นก็คือ “ศ.ศาลา” ตามที่นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เคยออกมาแฉ

อำนาจตำรวจมีแล้ว นักการเมืองที่คอยป้องคอยบังมีแล้ว กองบัญชาการตำรวจนครบาล สมัย พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็น ผบช.น.หรือจะมีปัญหาอะไร เมื่อพร้อมทุกสิ่งจึงเป็นการระดมหานายทุนปรากฏว่าได้ “เสี่ยโจ้ บางนา” ทายาทร้านขายทองชื่อดังเข้ามาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ พร้อมด้วย “เสี่ยถ่อ ประตูน้ำ”และ “เจ๊ฮุ้ง” เป็นผู้เช่าขอนบาคาร่า เพราะทั้ง 1 เฮียกับ 1 เจ๊ มีขาพนันอยู่ในมือมากมายโดยเฉพาะรายหลังถึงกับวางมือจากบ่อนเขมรชั่วคราวลงมาปักหลักอยู่ที่บ่อนพระราม 9

ราวต้นปี 2553 อภิมหาบ่อนแห่งใหม่ที่มีเบื้องหลังจากตำรวจใหญ่ 2 นาย คือ “พล.ต.ท.(พ.)” กับ “พล.ต.ต.(ก.)” ก็เริ่มขึ้นโดยเลือกใช้สถานบริการอบอบนวดโคลอนเซ่ ติดกับถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กทม.เป็นแหล่งทองคำ เปิดบริการเซียนพนันด้วยโต๊ะบาคาร่า แบบโต๊ะเล็กจำนวนกว่า 100 โต๊ะ และโต๊ะวีไอพีอีก 10 โต๊ะโดยรายละเอียดต่างๆสำหรับโต๊ะเล็กก็คือเจ้ามืออั้นคนแทงไม่เกินครั้งละ 1 แสนบาท ส่วนโต๊ะใหญ่อั้นครั้งละไม่เกิน 5 แสนบาทซึ่งทำให้เกิดส่วนต่างของค่าเช่าจึงอยู่ที่โต๊ะเล็กต่อขอนต่อ 8 ชั่วโมงค่าเช่า 150,000 บาท โต๊ะวีไอพี.อยู่ที่ 200,000-300,000 บาทขึ้นอยู่กับรอบในแต่ละวัน รอบละ 8 ชั่วโมงแบ่งเป็นรอบเช้า บ่ายและดึกโดยช่วงพาร์มไทม์ หรือช่วง 14.00-22.00 น.ราคาจะสูงที่สุด และเมื่อรวมกับค่าต๋งต่างๆไม่ว่าจะเป็นการพนันกำถั่ว บ่อนไฮโลหรือแม้แต่ตู้สลอต ตู้ม้า

เฉลี่ยแล้ววันหนึ่งจะมีเงินหมุนเวียนเป็นค่าส่วยแก่ตำรวจไม่ต่ำกว่าวันละ 50 ล้านบาท

บ่อนพระราม 9 หรือบ่อนโคลอนเซ่ จึงถือเป็นขุมทรัพย์ของตำรวจใหญ่และนักการเมืองในช่วงนั้น และเป็นที่มาของข่าวปล่อยแอบอ้างถึงบุคคลสำคัญเพื่อไม่ให้ใครกล้าเข้ามายุ่ง และยิ่งนับวันความโด่งดังของบ่อนนี้จะถูกสังคมมองด้วยความสงสัยเพราะเปิดบริการกันอย่างโจ๋งครึ่ม รถเก๋งขาพนันจอดแน่นขนัด ไม่เว้นลานบนดาดฟ้าซึ่งผู้ขับขี่รถบนทางด่วนศรีนครินทร์-บางนา สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

รวมถึงข่าวอันไม่เป็นมงคลที่ถูกแอบอ้างก็แพร่กระจายไปทุกหย่อมหญ้า จนใก้ลวันเปลี่ยนผ่านของอำนาจการเมือง วันที่ 9 พ.ค. 2554 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาขย่มด้วยสำนวนล้อนโยบาย “หนึ่งตำบาล หนึ่งผลิตภัณฑ์”ว่ายุคของประชาธิปัตย์ นั้นสนับสนุนให้มี “หนึ่งอำเภอ หนึ่งบ่อนพนัน”พร้อมกับเปิดอักษรย่อนักการเมือง "ส.เสือ" กับ “ศ.ศาลา” เป็นผู้อยู่เบื้องหลังบ่อนพนันพระราม 9

กระทั่งผ่านการเลือกตั้งทั่วประเทศพรรคเพื่อไทย ได้เป็นรัฐบาลปัญหาบ่อนพระราม 9 ที่โด่งดังเป็นพลุแตกถูกหยิบขึ้นมาเล่นอีกทำให้บรรรดานายทุนบ่อนพระราม 9 และนายตำรวจใหญ่หลายคนลงความเห็นว่าบ่อนพระราม 9 ชื่อเสียงโด่งดังเกินไปแล้วจึงสมควรย้ายไปยังแห่งใหม่อยู่ระหว่างซอยรัชดาฯ 14-16 หรือมีชื่อเรียกใหม่ว่า “บ่อนรัชดา”เพื่อไม่ให้มีใครเอ่ยถึงอภิมหาบ่อนนี้อีกต่อไป

พูดง่ายๆ ก็คือ กลยุทธ์ของเจ้าของบ่อนโดยความรู้เห็นเป็นใจกับตำรวจเพื่อต้องการให้ลดกระแสแต่กลับกลายเป็น “แผล” ที่มีนักเลงดีขุดคุ้ยไม่ยอมจบโดยเที่ยวนี้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ นักการเมืองชื่อดังเป็นคนเอา คลิปลับ ออกมาแฉ รัฐบาลที่เปลี่ยนขั้วมาเป็นพรรคเพื่อไทย แล้วจึงสั่งให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ขณะนั้นดำเนินการ และตั้งคณะกรรมการสอบสวน ก่อนปิดตำนานอภิมหาบ่อนในเดือนสิงหาคม 2554 และย้าย พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ไปเป็น ผบช.ภ.8 ส่วนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง มาเป็นผู้ดูแลแทน

ข้อเท็จจริงถึงความเป็นมาของบ่อนพระราม 9 โดยมีต้นคิดมาจากนายตำรวจใหญ่ 2 คนคือ “พล.ต.ท. (พ.)” กับ “พล.ต.ต.(ก.)” นั้นถือว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของวงการตำรวจไทย ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และถ้าไม่ใช่บุคคลที่เชี่ยวชาญกับการพนัน รู้หาผลประโยชน์จากสิ่งผิดกฎหมายอย่างทะลุปรุโปร่ง ร่วมกับคนที่กล้าใช้อำนาจของตัว และกล้าแอบอ้างถึงบุคคลชั้นสูงบ่อนพนันในลักษณะนี้ก็คงไม่มีวันเกิดขึ้นได้ง่ายๆ

เมื่อลองคิดตัวเลยคร่าวๆ ของผลประโยชน์ที่ได้รับตลอดเวลาของการเปิดบ่อนพนันพระราม 9 ต้องมีเม็ดเงินหมุนจากนักเล่นมาเข้ากระเป๋าสองนายตำรวจใหญ่ไม่ต่ำกว่าหลักพันล้านบาทขึ้นไป แม้จะคิดเป็นค้าเบี้ยใบ้รายทางแก่ตำรวจคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งนักการเมืองที่ร่วมขบวนการ ก็ยังนับได้ว่าเงินก้อนใหญ่ เงินบาปจากบรรดาผีพนันตกอยู่กับ “พล.ต.ท. (พ.)” และ “พล.ต.ต. (ก.)” มากที่สุด

เพราะเขาคือเจ้าของบ่อนตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนทั้งหมด

ผลของการปราบปรามอย่างเด็ดขาดครั้งนี้น่าจะเป็นบทเรียนให้ใครต่อใครโดยเฉพาะตำรวจ หรือบุคคลอื่นๆ ที่คิดใช้อำนาจหน้าที่ รวมทั้งแอบอ้างไปถึงบุคคลที่ 3 ไม่ว่าจะสำคัญขนาดไหนก็ตาม อาจจะมีผลทันตาอย่างกรณีที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น