xs
xsm
sm
md
lg

เบื้องลึก “บ่อนหรู”กลางกรุง จัดฉากตุ๋นมาเฟียจีน 80 ล้าน เจอทีเด็ดมี “ตำรวจใหญ่”เอี่ยว

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

บ่อนนัมเบอร์วัน(แฟ้มภาพ)
รายงานพิเศษอาชญากรรม

มีการจ่ายเงินดังกล่าวจากนายทุนชาวจีนจริงแต่คนรับน่าจะเป็น“คนใน”สมรู้ร่วมคิดกับผู้มีอำนาจในแวดวงสีกากีบางคน จัดฉากสมจริงจนนายทุนตายใจ เรียกว่าเปิดบ่อนไม่ได้ แต่ก็ต้มพวกเดียวกันไปแล้ว

ปฏิบัติการบุกตรวจค้นอาคารสปอร์ตคลับนัมเบอร์วันไดรวิงเรนจ์ ซอยสหการประมูล เขตวังทองหลาง กทม.เมื่อเย็นวันที่19 มิ.ย. สร้างความฉงนสนเท่ห์แก่ผู้คนในวงการไม่น้อย เพราะในยามผิดปกติในห้วงเวลาที่มีการประกาศกฎอัยการศึก และยังทราบกันดีว่าบ่อนพนัน อบายมุขทุกชนิดคือของต้องห้ามอย่างเด็ดขาด

แต่ไฉนจึงมีคนใจกล้าลงทุนเฉียด 100 ล้านบาทเพื่อเป็นอาหารเสริมสร้างความดีความชอบให้กับตำรวจน้อยใหญ่

ท่ามกลางความสงสัยนั้นมีผู้คร่ำหวอดในวงการพนันวิเคราะห์ความเป็นไปได้อย่างน่าสนใจโดยเริ่มสืบสาวความเป็นมาว่าบ่อนพนันแห่งนี้เกิดจากบรรดาผู้เกี่ยวข้องกับสนามไดร์ฟกอล์ฟดังกล่าวเคยเข้าไปเล่นได้เสียในบ่อนพระราม 9 ในอดีต ซี่งบ่อนอื้อฉาวในอดีตนั้นเป็นที่ตั้งของสถานบริการอาบอบนวดอีลิทก่อนดัดแปลงชั้นดาดฟ้ามารองรับนักพนัน

จากที่เคยเข้าๆ ออกๆ มีประสบการณ์เรื่องการพนันอีกทั้งเป็นจังหวะที่กิจการสนามไดร์ฟฯ เริ่มซบเซาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องอันประกอบด้วยนายทุนต่างชาตินักธุรกิจไทยในฐานะคนดูแลจึงตัดสินใจเนรมิตรตัวอาคารสปอร์ตคลับกลายเป็นบ่อนกาสิโนแบบสวยสุดในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นตัวอาคาร ห้องเล่นพนันโต๊ะบาคาร่าซึ่งจะมีจอวงจรปิดให้นักพนันได้บันทึกสกอร์ต่างๆโดยไม่ต้องใช้ระบบโบราณต้องเตรียมกระดาษปากกาให้ยุ่งยาก เรียกว่าเป็นการยกระดับไปสู่อินเตอร์เลยก็ว่าได้

แต่ความที่คิดหาเงินกันอย่างง่ายๆโดยลืมเฉลียวไปว่าการเปิดบ่อนพนันหรือกาสิโนขนาดใหญ่ในเมืองหลวงจะต้องมีองค์ประกอบอย่างใดบ้าง นอกเหนือจากเงินถึงแล้วยังจะต้องมีสมัครพรรคพวกมีบารมีพอทั้งในสายตำรวจ สายคนมีสี สายนักการเมืองและสายนักเลงมาเฟียในทุกระดับ

การก่อสร้างผ่านไปนับปีจนพร้อมเปิดบริการราวปี 2553 บ่อนพนันแห่งนี้ได้ออกการ์ดเชิญนักพนันและบอกผ่านปากต่อปากโดยกำหนดวันเรียบร้อยแต่เกิดงานกร่อยทันทีเมื่อนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ เจ้าพ่ออ่าง ผู้ผันตัวมาเป็นนักการเมืองออกมาแฉอย่างหมดเปลือกจนทำให้บ่อนแห่งนี้ต้องร้างไป

แน่นอนว่าย่อมสร้างความเสียหายอย่างมากมาย ทั้งในส่วนที่ลงทุนก่อสร้างตกแต่งสถานที่กับเงินเคลียร์ตำรวจในหน่วยต่างๆอาทิระดับกองบัญชาการตำรวจนครบาลในฐานะเจ้าของพื้นที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะผู้มีอำนาจและอีกสารพัดหน่วยงานตำรวจจนไปจบที่ตำรวจโรงพักคือ สน.วังทองหลาง

ประมาณกันว่าเม็ดเงินที่หายไปเปล่าๆน่าจะหลายสิบล้านและหากรวมกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็คงไม่พ้นหลัก 100 ล้านขึ้นไป

ต่อมาค่ำวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2554 มีเหตุคนร้ายขับจยย.จ่อยิงหุ้นส่วนสปอร์ตคลับดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 1 คนคือนายสุรพล สอนนอก คนขับรถประจำตัวนายวิศิษฐ์ สัจพจน์นุกุล ผู้ดูแลฯ ส่วนคนเจ็บมีอีก 2 คือนายไมเคิลโกว์ อดีตตำรวจรัฐนิวเจอร์ซีย์สหรัฐฯ และนายซิง เค ฮวยชาวมาเลย์เจ้าของกิจการสนามไดร์ฟกอล์ฟดังกล่าว...ในการสอบสวนครั้งนั้นเชื่อว่ามาจากเรื่องเบี้ยวหนี้กันเอง

โดยอาจจะเป็นหนี้พนันหรือหนี้ที่เกิดจากการก่อสร้างเนื่องจากมีคดีฟ้องร้องกับผู้รับเหมาด้วยมูลค่าหนี้กว่า 30 ล้านบาทเลยทีเดียว

ข่าวคราวบ่อนพนันแห่งนี้ค่อยๆหายไปกับวันเวลาและปรากฏให้ฮือฮาอีกครั้งเมื่อถูกตำรวจบุกเข้าตรวจค้นล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ (19 มิ.ย.) ผ่านมา ซึ่งความจริงแล้ว ก่อนหน้าประมาณ 2สัปดาห์บ่อนพนันสปอร์ตคลับก็ใช้วิธีเดิมๆคือโทรศัพท์นัดแนะขาพนันให้มาเสี่ยงโชคได้-เสียกันในวันศุกร์ที่ 20 ก่อนเกิดเรื่องเพียง 1 วันและในทุกครั้งที่เชิญชวนคนมาเล่นก็จะยืนยันความปลอดภัยแก่บรรดาเซียนว่า

เคลียร์ผู้ใหญ่จ่ายเบื้องบนเรียบร้อยแล้ว

“ประเด็นจ่ายแล้วยังจับหรือยังไม่จ่ายมาถูกจับเสียก่อนก็น่าวิเคราะห์พูดคุยกัน เพราะมีข่าวในอีกด้านหนึ่งว่านายทุนชาวจีนเขาจ่ายจริงจ่ายมากถึง 80 ล้านบาทเสียด้วย แล้วทำไมยังจับ”

.....ประเด็นนี้ผู้คร่ำหวอดคนเดียวกันขยายความว่า...เท่าที่ทราบจากวงพนันต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าบ่อนพนันแห่งนี้เป็นบ่อน“เฉาฉุ่ย”หมายถึงบ่อนปากเหม็นเพราะคนดูแลชอบโพนทะนาอวดมีเส้นมีเงินซึ่งเกือบ 100เปอร์เซ็นต์ไม่มีใครเชื่อว่าจะสามารถเปิดได้ เพราะสถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์ไม่ปกติทหารเขาก็ห้าม มีกฏอัยการศึกซึ่งทางที่ถูกพวกเราควรให้ความร่วมมือ ดังนั้นเรื่องการเอาเงินจำนวนมหาศาลไปจ่ายตำรวจหรือผู้มีอำนาจเพื่อเคลียร์เปิดบ่อนคงไม่จริง

แต่ข่าวถ้าไม่มีมูลความจริงอยู่บ้างคงไม่มีการพูดกันข้อเท็จจริงก็คือมีการจ่ายเงินดังกล่าวจากนายทุนชาวจีนจริงแต่คนรับน่าจะเป็น“คนใน”สมรู้ร่วมคิดกับผู้มีอำนาจในแวดวงสีกากีบางคน จัดฉากสมจริงจนนายทุนตายใจ

เรียกว่าเปิดบ่อนไม่ได้ แต่ก็ต้มพวกเดียวกันไปแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น