ชุดสืบสวน บช.น.เชื่อเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ รพ.ศิริราช ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสองมะกันลักชิ้นส่วนทารกส่งออก มั่นใจไม่มีความเชื่อมโยงคดีศพเด็กแฝดหายไปเมื่อปี 46
วันนี้ (19 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยถึงกรณีพบชิ้นส่วนมนุษย์จำนวน 5 ชิ้นในบริษัท ดีเอสแอลที่กำลังเตรียมจัดส่งไปยังสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า หลังจากที่พนักงานสอบสวน สน.บางโพงพางได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดขออนุมัติหมายจับ นายไรอัน เอ็ดเวิร์ด แม็กฟอร์สัน อายุ 31 ปี และนายเดเนียล เจมอน แทนเนอร์ อายุ 33 ปี ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ และนำทรัพย์นั้นไปใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือรับของโจร และพยายามยื่นใบขนสินค้าส่งออกโดยสำแดงเรื่องราวอันเป็นเท็จ จากการสอบสวนพยานแวดล้อมให้การเป็นประโยชน์ และสอดคล้องกับภาพจากกล้องวงจรปิดในพิพิธภัณฑ์ แต่ในภาพไม่เห็นว่าชาวต่างชาติทั้งสองคนกำลังโขมยของ
พล.ต.ต.สมบัติกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ช่วงปี 2546 มีคดีศพเด็กแฝดหายออกไปจาก รพ.ศิริราช กับคดีล่าสุดที่สองนักท่องเที่ยวขโมยชิ้นส่วนมนุษย์ ขอยืนยันว่าทั้งสองคดีนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ซึ่งแผ่นหนังที่ถูกขโมยไปเมื่อปี 2546 มีลักษณะของการสักยันต์ลงอักขระแบบไทยที่นำไปใช้ทางไสยศาสตร์ ส่วนชิ้นส่วนมนุษย์ที่หายไปล่าสุดมีลักษณะสักยันต์ในลวดลายที่แปลกตา
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าเจ้าหน้าที่ประจำพิพิธภัณฑ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุ เพราะหลังจากที่เกิดเหตุเมื่อปี 2546 จนถึงปัจจุบันนี้ทางพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวติดตั้งเพียงกล้องวงจรปิด และการลงชื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์เท่านั้น หากเทียบในพิพิธภัณฑสถานที่อื่นๆ แล้วจะมีเจ้าหน้าที่คอยเดินตรวจตราตามจุดต่างๆ ของพิพิธภัณฑ์ตลอดเวลา
ด้าน พ.ต.อ.อดิศร เสมสวัสดิ์ ผกก.สน.บางโพงพาง กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดไว้เกือบครบถ้วนแล้วและในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางโพงพางได้ส่งหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เพื่อประสานไปยังพื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 และ 3 เพื่อร่วมกันติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง2ราย และยังประสานไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจ.สระแก้วเพื่อประสานต่อไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของประเทศกัมพูชา เพื่อเร่งติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนำส่งตัวกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (19 พ.ย.)ได้รับรายงานจากตม.จ.สระแก้วว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 รายยังคงหลบหนีกบดานอยู่ในประเทศกัมพูชา จากการซักถามของผู้สื่อข่าวว่าเหตุจึงไม่แจ้งข้อหา พยามยามยื่นใบขนสินค้าส่งออกโดยสำแดงบันทึกเรื่องราวอันเป็นเท็จ ตั้งแต่เมื่อจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้และเหตุใดจึงปล่อยตัวไป เมื่อเวลา 15.30 น.วันเดียวกัน
ขณะที่ พล.ต.ต.เชาวลิต ประสพศิลป์ ผบก.น.5 กล่าวว่า ในการสอบสวนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีสิทธิ์ในการแจ้งขอหาดังกล่าวเพราะข้อหาดังกล่าวเป็นข้อหาที่ผิดพ.ร.บ.ของกรมศุลกากร ซึ่งในขณะที่จับกุมตัวผู้ต้องหาได้นั้นไม่ใช่เวลาราชการ ทางเจ้าหน้าตำรวจจึงไม่สามารถติดต่อกับทางกรมศุลกากรได้ว่าผู้ต้องหา 2 รายนี้ทำผิดพ.ร.บ.ศุลกากรหรือไม่ จึงไม่สามารถจับกุมตัวได้และได้ทำการปล่อยตัวไป
ด้าน พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.บางกอกน้อย ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล ที่สามารถบันทึกภาพชาวอเมริกัน 2 ผู้ต้องหา ที่เข้าไปซื้อตั๋วเพื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ทั้งช่วงเวลาเข้า-ออก โดยทั้งสองคนสะพายเป้ นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน สน.บางโพงพาง ได้มีการออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหาชาวอเมริกัน รวมถึงประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เพื่อให้นำตัวผู้ต้องหาดำเนินคดี โดยนำหมายจับไปประสานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชาเพื่อติดตามจับกุม เนื่องจากยังไม่มีความเคลื่อนไหวว่าผู้ต้องหาทั้งสองเดินทางออกนอกประเทศกัมพูชา ส่วนความคืบหน้าทางคดีมีการสอบปากคำพยานเกือบครบทุกปากแล้ว ส่วนการเก็บตัวอย่างลายพิมพ์นิ้วมือแฝงที่กล่องพัสดุเปรียบเทียบกับผู้ต้องสงสัย ได้ส่งไปตรวจที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.) รอผลการเปรียบเทียบว่าตรงกันหรือไม่