xs
xsm
sm
md
lg

ศึกใหญ่ “ปู” ชน “ช้าง” ชิงเก้าอี้ “สอบสวนกลาง”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร.
สังเวียนตำรวจ - โดย เหล็กน้ำพี้

กรณีย้ายฟ้าผ่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก.และ พล.ต.ต.โกวิท วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบช.ก. กลายเป็นประเด็นข่าวที่ผู้คนในและนอกวงการสนใจกันมากที่สุด แม้แต่ผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรม และสายการเมืองพอทราบเรื่อง (เช้า 12 พ.ย.) วันทั้งวันแทบไม่ต้องทำอะไร ต่างโทรศัพท์หาข้อมูลกันจนหูร้อนผ่าว

นักข่าวประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คึกคักกันตั้งแต่เช้าเพื่อรอเวลา 10.00 น.ตามนัดหมายให้ 2 นายตำรวจมารายงานตัว แต่ไม่ปรากฏแม้เงา จนบ่าย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เสร็จจากภารกิจร่วมประชุม สนช.ให้สัมภาษณ์สั้นๆ และยังไม่เคลียร์ว่าเหตุผลการย้ายเพื่อให้มาทำงานสำคัญเพราะเป็นนายตำรวจที่มีความรู้ความสามารถ ย้ายเพราะมีความรู้ ความสามารถและย้ายเพื่อให้มาทำงานสำคัญ!!??

นับว่าเป็นเหตุผลที่ชวนอึ้ง เนื่องจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางซึ่งถือเป็นหน่วยงานใหญ่ เป็นมือเป็นไม้มีกำลังพลและเครื่องมือต่างๆ มากมาย จัดได้ว่าเป็นกองทัพย่อยของสีกากีเลยทีเดียว จึงดูขัดแย้งกับข้อเท็จจริง เพราะคงไม่มีหน่วยงานไหนสำคัญ เหมาะสมกับบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเกินไปกว่า บช.ก.อีกแล้ว เว้นแต่ว่ามีปัญหาอื่น เช่น ประสิทธิภาพการทำงานหย่อนยาน ไม่สนองตอบนโยบายรัฐ เป็นต้น

แต่เอาละ ถึงตอนนี้นับเป็นช่วงที่ดีที่สุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แล้วเพราะตลอดเวลาภายใต้การบริหารงานของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ นั้นมันยาวนานมากเกินไป แน่นอนว่าผลงานท่านก็มีอยู่มากแต่ปัญหาต่างๆ ก็มีอยู่มากเช่นกัน

โดยเฉพาะการบริหารบุคคล หน่วยงานของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง อันประกอบด้วย กองบังคับการปราบปราม ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจทางหลวง ตำรวจน้ำ ตำรวจรถไฟ ตำรวจป่าไม้ ตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ-ค้ามนุษย์-คุ้มครองผู้บริโภค-ความผิดทางเทคโนโลยี มากมายมหึมาขนาดนี้แต่มีการหมุนเวียนบุคคลการซ้ำไปซ้ำมาจึงสมควรได้รับการเปลี่ยนแปลงเสียที

เมื่อมีโฟกัสไปยังการปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของคนทำงานจริงๆ คือ ผกก.-สารวัตร ซึ่งกำลังจัดเตรียมโผแต่งตั้งโยกย้ายกันนั้นแน่นอนว่าทุกหน่วยงานของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะต้องเปิดศักราชใหม่ หลายกองบังคับการที่ขาดหายผลงานไปนานจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ต่อไปนี้เจ้านายคนใหม่คงไม่ใจดีเหมือนนายคนเก่าอีกต่อไปแล้ว

สำคัญที่สุดก็คือ การลงไปช่วยแบ่งเบาภารกิจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะการปราบปรามกลุ่มอิทธิพลที่ทราบกันดีว่าพวกนี้คือเส้นเลือดใหญ่ที่คอยหล่อเลี้ยงขบวนการก่อการร้าย

ปัญหาสินค้าเถื่อน น้ำมันเถื่อน หรืออะไรก็ตามที่เป็นสีเทา สีดำ และให้การสนับสนุนฝ่ายตรงข้าม ตำรวจทุกคนต้องไม่เข้าไปร่วมมีผลประโยชน์ด้วย

พูดถึงขบวนการน้ำมันเถื่อนแล้ว นี่ก็คืออีกปมประเด็นหนึ่งที่มีข่าวเข้ามาผสมกับคำสั่งโยกย้ายครั้งนี้โดยเฉพาะข้อมูลลับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารที่ปฏิบัติราชการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ตัวละครสำคัญที่ถูกโยงมาก็คือ “เสี่ยโจ้” ปัตตานี หรือนายสหชัย เจียรเสริมสิน นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ปัตตานีตอนนี้เป็นผู้ต้องหาหนีคำสั่งศาล สืบเนื่องจากมีการปราบปรามขบวนการค้าของเถื่อนและสิ่งผิดกฏหมายอย่างต่อเนื่องและปรากฏพยานหลักฐานชัดว่าเขาอยู่เบื้องหลังการค้าน้ำมันเถื่อนและอื่นๆ

ความวุ่นวายราวภัยสงครามของภาคใต้ก็คือโอกาสงามที่จะดำเนินธุรกิจด้วยความสะดวกสบาย ยุทธศาสตร์ของทหาร-ตำรวจจึงต้องการตัดเส้นทางการเงินที่นำมาหล่อเลี้ยง

ตรงนี้เองกองบังคับการตำรวจน้ำ ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จึงถูกจับจ้อง ผลการปราบปรามเป็นอย่างไร จับแต่รายนายสหชัย แล้วเปิดโอกาสให้รายอื่นทำผิดกฎหมายตาม “จดหมายน้อย” ของเสี่ยโจ้ ปัตตานี ที่ฟ้องไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช่หรือไม่ หรือมีเบื้องหน้าเบื้องหลังจนมองว่าเป็นความบกพร่องจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน

ขอกลับมายังภาพรวมของ บช.ก.อีกครั้ง....เมื่อลงในรายละเอียดมีการจัดกำลังพลที่เหมาะสมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะเกิดประสิทธิภาพในการทำงานอย่างแน่นอน และเมื่องานเดิน ประชาชนย่อมได้รับผลดีตามไปด้วย รัฐเองก็สามารถบริหารราชการแผ่นดินอย่างเข้มแข็ง ไม่ปวกเปียกอย่างที่ผ่านๆ มา ระดับล่างพร้อม ระดับบนก็ต้องพร้อม...

ทราบมาว่ายุคที่ผ่านมามีข้อมูลที่ประชาชนทั่วไปไม่ทราบ และบางทีแม้แต่ตำรวจเองหรือผู้บริหารในรัฐบาลเองก็อาจไม่ทราบว่า ในหลายๆ กองบังคับการที่ขึ้นตรงกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยังมีการขอแบ่งอำนาจบริหาร ระหว่าง ผบช.ก.กับ ผบ.ตร ด้วยเช่น กองปราบปราม ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจทางหลวง ตำรวจน้ำ ขึ้นตรงกับ ผบช.ก.ส่วนที่เหลือขึ้นตรงต่อ ตร. ถ้าข้อมูลนี้เป็นจริงไม่ทราบว่าใช้ระเบียบราชการใดหรือเป็นข้อตกลงระหว่างเพื่อนกับเพื่อน

โฉมใหม่ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยุคคืนความสุขประชาชนคงไม่ลืมต้องคืนความสุขให้กับข้าราชการตำรวจด้วย การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ก็ควรสร้างบรรทัดฐานกันใหม่ ทั้งความรู้ความสามารถ อาวุโสและความเหมาะสม อย่าให้คำสั่งตอนตี 4 ต้องเสียของเพราะโอกาสดีๆแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว เพียงชั่วข้ามคืน หลังจากพงศ์พัฒน์หลุดจากเก้าอี้ แรงกระเพื่อมยุทธจักรสีกากี เปิดศึกชิงเก้าอี้ บช.ก.

มีรายงานข่าวว่า วันที่ 25 พ.ย.ที่จะถึงนี้เวลา 13.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้นัดประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยมีวาระการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเป็นกรณีพิเศษคาดว่าจะมีการสลับตำแหน่งสำคัญๆ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอาทิการโยก พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.มาเป็น ผบช.ก. และให้ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 มาเป็นผบช.น. ส่วนตำแหน่ง ผบช.ภ.1 นั้น คาดว่าจะเป็น พล.ต.ท.ชินทัต มีศุข จตร.(สบ 8) เป็นต้น ส่วน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ และ พล.ต.ต.โกวิท วงศ์รุ่งโรจน์ นั้นมีรายงานว่าอาจจะดันขึ้นไปเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.กับ ผบช.ประจำ แต่หากไม่มีตำแหน่งที่สูงขึ้นก็ให้เป็น ผบช.ประจำไปก่อน

สำหรับ พล.ต.ท.ศรีวราห์นั้น ทราบกันดีว่าเป็นนายตำรวจที่เติบโตมากับสายงานกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมาโดยตลอด และเป็นผู้เชี่ยวชาญทรัพยากรธรรมชาติ ที่ดินป่าสงวนอย่างหาตัวจับยาก นอกจากนั้นยังเป็นนายตำรวจสายตรงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จึงเชื่อว่าไม่น่าผิดไปจากนี้ด้วยความเหมาะสมทุกประการ

อย่างไรก็ตาม ยังมี พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.สันติบาล สายตรง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อาจเป็นตัวสอดแทรกได้ ทั้งนี้ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ ยังเป็นนายตำรวจคนสนิทของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.และเพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.จึงมีเหตุผลว่าตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง” อันเป็นกองบัญชาการหลักมีอำนาจหน้าที่ครอบคลุมทั้งประเทศควรอยู่ในมือของใครระหว่างนายกรัฐมนตรี หรือขั้วสีกากี

ประวัติ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล หรือ “บิ๊กปู” ในช่วงรับราชการตำรวจเคยรับราชการเป็นตำรวจทางหลวง ตำรวจป่าไม้ เป็นผู้การ 191 สมัยที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็น ผบ.ตร.และเคยมีปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เส้นทางการรับราชการในยุคที่ผ่านมาเคยเจอมรสุมเกี่ยวกับการนำสิทธิทวีคูณอายุราชการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาประกอบรับความดีความชอบ แต่ถูก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวช คู่ปรับเก่าร้องเรียนทำให้สะดุดอยู่หลายปีกระทั่งทหารเข้ายึดอำนาจ และเป็นช่วงที่ดีที่สุดของนายตำรวจผู้นี้อีกครั้งหนึ่ง สำหรับชีวิตครอบครัว พล.ต.ท.ศรีวราห์ ได้ชื่อเป็นน้องเขยนายสุชาติ ตันเจริญ อดีตนักการเมืองชื่อดังกลุ่มเดียวกับนายเนวิน ชิดชอบ

นายตำรวจอีกคนหนึ่ง คือ  พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย “บิ๊กช้าง” ผบช.ส. (นรต.รุ่น 36) สถานภาพสมรสแล้วกับมาดามอ้อ หลานสาวแท้ๆ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายตำรวจสายบู๊มีคอนเนกชันมากมายไม่ว่าจะเป็นสายทหาร พ่อค้านักธรกิจ และที่สำคัญได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นน้องรักของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.และเพื่อนซี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.(นรต.36)

ส่วนประวัติการทำงานที่ผ่านมาเคยอยู่ในทีมทำงานของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ร่วมคลี่คลายคดีฆ่าเสี่ยฮวด ชลบุรี จนมีการจับกุมตำรวจชุดใหญ่ นอกจากนั้นยังให้ความเคารพนับถือต่อ พล.ต.ท.บุญทิน วงศ์รักมิตร อดีต ผบช.ภ.2 จนถึงกับเป็นพ่อลูกบุญธรรมกันเลย เส้นทางชีวิตส่วนใหญ่เดินเข้าๆ ออกๆ กับสายอำนาจ อาทิ เคยมีส่วนร่วมสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ส่ง “จ่ามี - วิทย์ บางแค - อ๊อด สห.” ลงสมัครชนกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ช่วงรัฐบาล ชวน 2 มาแล้วและยังเป็นนายตำรวจคนสนิทของ พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา อดีต อ.ตร. จนถึงยุค พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก เป็น ผบช.ก.ก็ได้รับการ สนับสนุนจาก พล.ต.ท.ชัจจ์ ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นนายตำรวจสาย “เสื้อแดง” หรือพรรคไทยรักไทย ให้ได้เป็น ผกก.5 ป.

หากการสลับสับเปลี่ยนในเที่ยวนี้มีโอกาสอย่ามองข้ามนายตำรวจ “ครบเครื่อง” เรื่องเส้นสายผู้นี้อย่างเด็ดขาด
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก.ที่ถูกคำสั่งย้ายด่วน
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.
กำลังโหลดความคิดเห็น