ปธ.เครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ นำพยานปากสำคัญคดี “น้องต๊อก” จมน้ำตายในบ่อดินที่พิษณุโลกอย่างปริศนา ร้องกองปราบฯ ยันเป็นคดีถูกฆาตกรรม เนื่องจากผู้ตายเคยเดินยาเสพติดให้กับคนมีสีในพื้นที่ พร้อมสำเนาคำร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี 4 ราย
วันนี้ (4 พ.ย.) ที่กองปราบปราม นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้พา นางกัลยา เกตุนาวา มารดาของ ด.ช.ศุภชัย ธรรมานุพัฒน์ หรือน้องต๊อก อายุ 13 ปี ที่เสียชีวิตอย่างมีปริศนาที่บ่อดิน ต.วัดจันทร์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา พร้อม ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี เพื่อนน้องต๊อก เข้าพบ พ.ต.อ.ชัยทัต บุญขำ รักษาการ ผบก.ป.เพื่อขอให้สอบปากคำพยานในคดีดังกล่าว และให้ความคุ้มครองหลังจากพยานถูกข่มขู่ คุกคาม โดยทำหนังสือร้องทุกข์ และนำสำเนาคำร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีรวม 4 ราย ที่ยื่นต่อ ผบ.ตร.มอบให้พนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณาดำเนินการ
นายสงกานต์กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ทาง ผบ.ตร.มีคำสั่งให้โอนคดีจาก บช.ภ.6 มาให้กับทาง บก.ป.ดำเนินการ โดยท่านได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก รักษาการแทน รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบสำนวนคดี ตนได้นำสำเนาคำร้องทุกข์มามอบให้พนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อขอให้มีการเร่งรัดสอบปากคำพยานในคดี และให้ความคุ้มครองต่อพยาน คือ ด.ช.เอ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมกระทำความผิดฆาตกรรม ด.ช.ศุภชัย แต่สำนึกผิดแล้ว สำหรับสิ่งที่ได้มาคือหนังสือบอกกล่าวไปยังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ให้ส่งผลการชันสูตรศพ ด.ช.ศุภชัย ตามใบตอบรับที่ตนได้ส่งไปซึ่งทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลดังกล่าวได้แจ้งผลมาแล้วว่าสภาพศพมีร่องรอยการบีบคอจนเป็นรอยช้ำ ตรงกันกับผลตรวจของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ขณะนี้จึงมีการขอภาพถ่ายขณะชันสูตรศพ และประสานแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจมาตรวจเปรียบเทียบ ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ได้รับมา
นายสงกานต์กล่าวต่อว่า ในส่วน ด.ช.เอก็ให้การยอมรับต่อ พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ไปแล้วก่อนหน้านี้ว่ามีหนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุเป็นผู้ใหญ่ที่กดคอน้องต๊อกจนเสียชีวิต มีหลักฐานจากภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นว่ากรณีดังกล่าวไม่ได้เป็นอุบัติเหตุจากการจมน้ำเสียชีวิต แต่เป็นการฆาตกรรม โดยก่อนหน้านั้นผู้เสียชีวิตถูกข่มขู่จากขบวนการค้ายาเสพติดของคนมีสีในพื้นที่ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ที่ใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการค้ายาเสพติด โดย ด.ช.เอก็ยอมรับว่าเคยเดินยาเสพติดให้กับคนมีสีในพื้นที่ด้วย ทั้งนี้อยากฝากถึงไปยังท่านเลขาธิการ ป.ป.ส.รวมทั้งท่านผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดว่าคนมีสีที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดนี้คือใคร ที่ใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการเดินยาเหล่านี้ แล้วเมื่อน้องต๊อกเล่นเกมโดยไม่ยอมไปเดินยาเสพติด กลับถูกกลุ่มคนเหล่านี้ฆ่าปิดปาก นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และมีขบวนการวิ่งเต้นให้เป็นกรณีของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่จริงแล้วเป็นการถูกผู้อื่นทำให้ตายก่อน เขาถูกซ้อม ถูกทำร้ายร่างกาย
ขณะที่ ด.ช.เอกล่าวว่า ในวันเกิดเหตุมีเพื่อนชื่อเจ๋งมาบอกว่าให้ตนชวนต๊อกไปเล่นน้ำ โดยถามว่าตอนนี้ต๊อกอยู่ที่ไหน จึงบอกว่าอยู่ที่ร้านเกม แล้วตอนเที่ยงจะไปหา จากนั้นตนก็ไปหาต๊อก นั่งเล่นเกมอยู่ด้วยกันสักพักหนึ่ง แล้วถึงชวนกันไปเล่นน้ำ แต่ต๊อกบอกว่าเล่นเกมอยู่ พอมาชวนอีกครั้งเป็นครั้งที่ 2 จึงพากันขี่จักรยานออกไปกับเพื่อนๆ ออกไปเสร็จแล้วก็ไปถึงบ่อดินแล้วก็ไปเล่นกัน จากนั้นก็มีวัยรุ่น 5 คนเดินมาถามว่าต๊อกอยู่ที่ไหน ก่อนที่ทั้งหมดตรงไปหาต๊อกแล้วบอกว่าเขาใช้ให้ไปเดินยา ทำไมไม่ไป ซึ่งต๊อกก็บอกว่าไม่อยากยุ่ง พวกนั้นจึงทำร้ายร่างกาย โดยได้ต่อยที่แก้มของต๊อก แล้วพวกที่เหลือก็เข้ารุมทำร้าย ใช้เท้ากระทืบ แม้ว่าต๊อกจะร้องขอชีวิต และบอกว่า “อย่าทำผมเลย” แต่พวกเขาก็ยังรุมซ้อม และบอกว่าถ้าเรื่องถึงตำรวจมึงตายแน่
ด.ช.เอกล่าวต่อว่า จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นสั่งให้ตนพาต๊อกลงไปที่บ่อดิน ให้ตนจับขากับแขน ส่วนเจ๋งก็บีบคอ กดจมูกขึ้นลง ตนก็ถามจะเอายังไงดีเพราะต๊อกนิ่งไป จึงโยนร่างลงน้ำในบ่อดิน จนกระทั่งทางหน่วยกู้ภัยได้มาตรวจสอบเหตุหลังจากได้รับแจ้งเหตุ ก่อนจะถามตนว่าจุดไหนที่ต๊อกจมน้ำไป แล้วเจ้าหน้าที่จึงลงไปงมจนพบศพ แล้วก็ถามตนอีกว่ารู้จักพ่อแม่หรือมีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อญาติของต๊อกหรือไม่ หลังจากนั้นก็มีตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุ ก่อนที่พ่อตนจะบอกว่าให้พูดความจริงทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พ.ต.อ.ชัยทัต รับเรื่องและได้พาผู้ร้องทุกข์เข้าไปภายในห้องพนักงานสอบสวนแล้วก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน อย่างไรก็ดี มีรายงานข่าวแจ้งว่าทางรักษาราชการแทน ผบก.ป.ได้กล่าวตำหนินายสงกานต์ที่นำพยานในคดีมาเปิดเผย เพราะเกรงจะกระทบต่อการสอบสวน และพยานอาจได้รับอันตรายได้