xs
xsm
sm
md
lg

ทนายยื่นขอความเป็นธรรมให้ “ชายชุดดำ” คดีใช้อาวุธสงคราม

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ นปช.ในฐานะนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน
ทนายเสื้อแดงร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการ อ้าง “ชายชุดดำ” คดีใช้อาวุธปืนก่อความวุ่นวาย ปี 53 กลับคำให้การ ระบุถูกตำรวจซ้อมให้รับสารภาพ

วันนี้ (14 ต.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ นปช.ในฐานะนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน (กนส.) ได้ยื่นหนังสือถึงนายกมล ธรรมเสรีกุล อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ 5 ผู้ต้องหาชุดดำที่ใช้อาวุธปืนก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนในเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นปช. เมื่อปี 2553 เนื่องจากอ้างว่าถูกทำร้ายร่างกายบังคับให้รับสารภาพและการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นายวิญญัติกล่าวว่า ได้เข้าพบผู้ต้องหาทั้ง 5 คนที่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำ จากการพูดกับผู้ต้องหาทั้งหมดได้กลับคำรับสารภาพ โดยระบุว่าถูกซ้อมและทำร้ายร่างกายเพื่อบังคับให้รับสารภาพ หากปฏิเสธก็จะถูกทำร้ายร่างกายอย่างต่อเนื่อง และเกรงว่าทางครอบครัวจะไม่ได้รับความปลอดภัยจึงยอมรับสารภาพ ซึ่งคดีดังกล่าวนั้นเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมือง จึงอยู่ในอำนาจการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตามมติของคณะกรรมการคดีพิเศษ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามจึงไม่มีอำนาจการสอบสวนในคดีนี้ โดยขอให้พนักงานอัยการมีคำสั่งให้มีการสอบสวนคดีนี้ใหม่อีกครั้ง โดยเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนดีเอสไอ พร้อมทั้งขอให้อัยการไม่คัดค้านในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาเพื่อที่ทางทนายความจะได้ยื่นประกันตัวต่อไป ส่วนการยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการใส่ร้ายเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการนำข้อเท็จจริงมาเสนอต่ออัยการเพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้กับทางผู้ต้องหาเท่านั้น

ด้านนายกมลกล่าวว่า เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้ประสานมายังตนเพื่อขอสำนวนคดีดังกล่าวกลับไปสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว เนื่องจากเห็นว่าคดีอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้ส่งสำนวนไปให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ หากพนักงานสอบสวนดีเอสไอสรุปสำนวนมาให้อัยการอีกครั้งก็จะต้องส่งสำนวนไปยังอัยการฝ่ายคดีพิเศษเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องคดี ส่วนหนังสือร้องขอความเป็นธรรมนั้น เบื้องต้นทางอัยการก็จะรับไว้ ก่อนจะเสนอไปยังนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการต่อไป

สำหรับผู้ต้องหาที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมในข้อหาร่วมกันมีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครอง และข้อหาพกพาอาวุธปืน และวัตถุระเบิดไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ทั้งหมด 5 ราย ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ สุ่มศรี หรืออ้วน อายุ 45 ปี, นายปรีชา อยู่เย็น หรือไก่เตี้ย อายุ 24 ปี, นายรณฤทธิ์ สุริชา หรือนะ อายุ 33 ปี, นายชำนาญ ภาคีฉาย หรือเล็ก อายุ 45 ปี และนางปุณิกา ชูศรี หรืออร อายุ 39 ปี


กำลังโหลดความคิดเห็น